วันอาทิตย์ที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

รัฐบาลเดินหน้ารับฟังความคิดเห็น “กองทุนพัฒนาบทบาทสตรี”

(25 กุมภาพันธ์ 2555 - โรงแรมรามาการ์เด้น กรุงเทพฯ) นางนลินี ทวีสิน รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเป็นประธานประชุมเพื่อรับฟังความคิดเห็น "กองทุนพัฒนาบทบาทสตรี" จากสมาชิกวุฒิสภา สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และเครือข่ายองค์กรสตรีในพื้นที่กรุงเทพมหานครโดยมีคณะกรรมการขับเคลื่อนกองทุนพัฒนาบทบาทสตรี ตัวแทนสมาชิกวุฒิสภา สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เครือข่ายองค์กรสตรี และตัวแทนสตรีในพื้นที่กรุงเทพมหานครเข้าร่วมจำนวนมาก

บรรยากาศการประชุม
การประชุมเพื่อรับฟังความคิดเห็นในวันนี้เพื่อชี้แจงวิสัยทัศน์และวัตถุประสงค์ของการจัดตั้งกองทุน พัฒนาบทบาทสตรี แนวทางการดำเนินงานประชาคม และการคัดเลือกกรรมการกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีทั่วประเทศให้มีความเข้าใจเป็นไปในทิศทางเดียวกัน เพื่อนำไปขยายผลให้กับสตรีได้รับทราบ และเข้าร่วมลงทะเบียนเป็นสมาชิกกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีต่อไปซึ่งเป็นครั้งที่ 3 หลังจากที่ได้มีการจัดรับฟังความคิดเห็นมาแล้วในส่วนของสตรีภาคกลาง และภาคเหนือที่จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อนำข้อเสนอแนะมารวบรวมข้อมูลนำไปประมวลผลเพื่อให้ได้ตรงตามความต้องการของสตรีทั่วประเทศ

ทั้งนี้ บรรยากาศในการเข้าร่วมประชุม ผู้เข้าร่วมประชุมจากภาคส่วนต่างๆ ได้ให้ความสนใจเข้าร่วมประชุมเป็นจำนวนมาก และร่วมแสดงความคิดเห็นที่เป็นประโยชน์ต่อกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีอย่างยิ่งซึ่งจากการรับฟังความคิดเห็นจากตัวแทนภาคส่วนต่างๆ ของสตรีที่ผ่านมาต้องการเห็นโอกาสของกองทุนฯ ในการช่วยแก้ปัญหาของสตรีที่มากกว่าการกู้ยืม เช่น ต้องการให้เป็นแหล่งทุนหมุนเวียนแก้ปัญหาเศรษฐกิจ ทำให้มีอาชีพ สร้างรายได้ พัฒนาคุณภาพสตรี อบรมพัฒนาศักยภาพแก้ปัญหาด้านการผลิต เพิ่มความรู้ เชื่อมเครือข่าย พัฒนาครอบครัว ฟื้นฟูเยียวยาผู้เดือดร้อนจากอุทกภัยให้ทุนการศึกษาแก่บุตร มีสวัสดิการให้แก่สมาชิก และต้องการให้บูรณาการเชื่อมโยงกองทุนต่าง ๆ เข้าด้วยกัน เป็นต้น

รัฐบาลจึงขอเชิญชวนให้สตรีที่มีสัญชาติไทย อายุตั้งแต่ 15 ปี บริบูรณ์ขึ้นไป ลงทะเบียนสมัครเป็นสมาชิกกองทุนและคัดเลือกเป็นคณะกรรมการกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีระดับตำบลและระดับจังหวัด ซึ่งจะมีสิทธิในการขอรับการสนับสนุนจากกองทุนฯ ได้ตามเงื่อนไขและระเบียบของกองทุนฯ เพื่อขับเคลื่อนการสร้างความเข้มแข็งและพัฒนาศักยภาพของสตรีต่อไป โดยผู้ที่สนใจสามารถสมัครเป็นสมาชิกกองทุนฯ ได้ ณ หน่วยรับลงทะเบียน ได้แก่ ที่ทำการผู้ใหญ่บ้าน สำนักงานเขตของกรุงเทพมหานคร ศูนย์ กศน. ทุกแห่ง หรือลงทะเบียนออนไลน์ได้ทางเว็บไซต์ http://www.womenfund.thaigov.go.th ตั้งแต่ วันนี้จนถึง 31 มีนาคม 2555


ภาพถ่ายเพิ่มเติม

วันเสาร์ที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

"อนุตตมา" เผย รัฐบาลเดินหน้ากองทุนพัฒนาบทบาทสตรี

นางนลินี ทวีสิน รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน พิธีเปิดการประชุมเพื่อรับฟังความคิดเห็น “กองทุนพัฒนาบทบาทสตรี” ในเขตพื้นที่กรุงเทพมหานคร โดยมี นางสาวอนุตตมา อมรวิวัฒน์ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กล่าวรายงาน ทั้งนี้ มีองค์กรที่ดำเนินงานด้านสตรี เขตกรุงเทพมหานคร เข้าร่วมการประชุม 153 แห่ง ณ โรงแรมรามาการ์เด้นส์ กรุงเทพมหานคร

นางสาวอนุตตมา อมรวิวัฒน์ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมฯกล่าวว่า รัฐบาลมีนโยบายจัดตั้ง “กองทุนพัฒนาบทบาทสตรี” เพื่อยกระดับและเสริมศักยภาพสตรีในทุกมิติ สร้างสังคมเสมอภาค และสันติสุข และนำศักยภาพความแตกต่างระหว่างหญิงชายมาใช้อย่างสร้างสรรค์ โดยนายกรัฐมนตรีมีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการขับเคลื่อนกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีแห่งชาติขึ้นมาเพื่อดำเนินงาน และแต่งตั้งคณะอนุกรรมการ 4 คณะ ในการขับเคลื่อนงาน ได้แก่ 1.คณะอนุกรรมการจัดประชุมเพื่อชี้แจงแนวทางการดำเนินงานกองทุนพัฒนาบทบาทสตรี และรับฟังความคิดเห็นเครือข่ายองค์กรสตรีในเขตกรุงเทพมหานคร 2.คณะอนุกรรมการดำเนินการเพื่อจัดตั้งคณะกรรมการกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีในระดับตำบล และระดับจังหวัด 3.คณะอนุกรรมการจัดประชุมเพื่อรับฟังความคิดเห็นจากเครือข่ายองค์กรสตรีใน 4 ภูมิภาค และประชุมเพื่อคัดเลือกกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีแห่งชาติ และ 4.คณะอนุกรรมการจัดงานเพื่อเปิดตัวกองทุนพัฒนาบทบาทสตรี ซึ่งคณะขับเคลื่อนฯ มุ่งเน้นการ “สร้างสรรค์พลังสตรี ให้เป็นพลังสำคัญในการพัฒนาประเทศ” โดยมีการดำเนินงานที่สำคัญ ดังนี้ 1.เป็นแหล่งเงินทุนหมุนเวียนดอกเบี้ยต่ำหรือปลอดดอกเบี้ย 2.เป็นแหล่งเงินทุนเพื่อการพัฒนาศักยภาพสตรีและเครือข่ายสตรี 3.เป็นแหล่งเงินทุนเพื่อการส่งเสริมสนับสนุนการจัดกิจกรรมการพัฒนาบทบาทสตรี และ 4.เป็นแหล่งเงินทุนเพื่อการสนับสนุนโครงการอื่นๆ ที่เป็นการแก้ไขปัญหาและพัฒนาสตรี

นางสาวอนุตตมา กล่าวต่อว่า ในการประชุมครั้งนี้ เน้นให้มีการอภิปราย เรื่อง “กองทุนพัฒนาบทบาทสตรี” และแบ่งกลุ่มเพื่อระดมความคิดเห็นใน 4 ประเด็น คือ ประเด็นที่ 1 ปัญหาสตรีที่สำคัญที่สุดของจังหวัดมีอะไรบ้าง ประเด็นที่ 2 กองทุนพัฒนาบทบาทสตรีจะเข้าไปมีส่วนในการแก้ไขปัญหาสตรีได้อย่างไร ประเด็นที่ 3 สตรีควรจะเข้าไปมีส่วนร่วมในกองทุนฯอย่างไร และ ประเด็นที่ 4 สิ่งที่ควรจะเป็นและอยากจะเห็นเกี่ยวกับกองทุน ซึ่งการสรุปผลและข้อเสนอแนะที่ได้จากเวทีการประชุมรับฟังความคิดเห็นนี้ จะนำไปใช้ประโยชน์ในการพัฒนาขับเคลื่อน กองทุนพัฒนาบทบาทสตรีต่อไป

วันพฤหัสบดีที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

เพื่อไทย ปัดสั่งการตั้งวอร์รูมลับ เตรียมต้านรัฐประหารมิถุนายนนี้

จากกรณีที่มีการรายงานข่าวจากเอเชียไทม์ส ถึงกระแสที่ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้มีการสั่งการลับให้ตั้งวอร์รูมคนเสื้อแดง เพื่อต่อต้านการรัฐประหารที่อาจจะเกิดขึ้นภายในเดือนมิถุนายนนี้นั้น ล่าสุด นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ในฐานะที่ตนเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทย ขอปฏิเสธข่าวดังกล่าวว่าไม่เป็นความจริง เป็นการเสนอข่าวโคมลอย ปราศจากข้อเท็จจริง ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีเป็นผู้นำฝ่ายบริหาร การสั่งการไปยังทุกกระทรวง ทบวง กรมนั้นเป็นอำนาจของนายกรัฐมนตรี และพ.ต.ท.ทักษิณก็ประกาศชัดเจนมาหลายครั้งแล้วว่า ไม่ได้เข้ามายุ่งเกี่ยวกับการบริหารและการเมืองในพรรคไทยรักไทยภายใต้รัฐบาลของน.ส.ยิ่งลักษณ์ อย่างไรก็ตาม พรรคเพื่อไทยไม่ได้มีการพูดคุยกันถึงข่าวดังกล่าว เพราะทั้งผบ.ทบ.และผู้นำเหล่าทัพต่างๆ ก็ออกมาประกาศแล้วว่าจะไม่มีการปฏิวัติ

นายพร้อมพงศ์ กล่าวอีกว่า เชื่อว่าเรื่องนี้น่าจะเป็นการกุข่าวเพื่อสร้างความความสับสนให้กับคนไทยและต่างชาติ เพราะวันนี้ทหารก็ให้ความร่วมมือกับรัฐบาลเป็นอย่างดี และเชื่อว่าทหารเองก็เคารพเสียงประชาชน ยึดมั่นระบอบประชาธิปไตย ดังนั้นคงจะไม่มีการวางแผนปฏิวัติอย่างแน่นอน นอกจากนี้ เชื่อว่าพ.ต.ท.ทักษิณก็ไม่ได้สั่งการใดๆ เพราะพ.ต.ท.ทักษิณพูดหลายครั้งว่า ต้องการให้ปัญหาการเมืองนั้นแก้ด้วยการเมือง และท่านก็เป็นอดีตนายกรัฐมนตรี และเป็นสมาชิกบ้านเลขที่ 111 ที่รู้ข้อกฎหมายอย่างชัดเจน ดังนั้นพ.ต.ท.ทักษิณย่อมไม่เข้ามาแทรกแซงทางการเมืองเพื่อเปิดช่องให้ฝ่ายตรงข้ามนำไปฟ้องร้องได้ เพราะฉะนั้นจึงไม่มีความจำเป็นใดๆ ที่นายกรัฐมนตรีจะต้องตั้งวอร์รูมดังกล่าวขึ้นมา

อ้างอิง
Thailand's Thaksin prepares for war. 
By John Cole and Steve Sciacchitano
http://www.atimes.com/atimes/Southeast_Asia/NB18Ae03.html

ยิ่งลักษณ์ เปิดงานศิลปาชีพประทีปไทยฯ เทิดพระเกียรติ “พระราชินี”



นายกรัฐมนตรี เป็นประธานเปิดงาน “ศิลปาชีพ ประทีปไทย OTOP ก้าวไกล ด้วยพระบารมี” เพื่อเทิดพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ตั้งเป้ายอดจำหน่ายกว่า 600 ล้านบาท 

 นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานเปิดงาน "ศิลปาชีพ ประทีปไทย OTOP ก้าวไกล ด้วยพระบารมี" ที่ศูนย์แสดงสินค้าอิมแพ็ค เมืองทองธานี โดยนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า สมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ ทรงห่วงใยความทุกข์ร้อนของพสกนิกร และทรงริเริ่มให้มีการฟื้นฟู พัฒนางานศิลปหัตถกรรมพื้นบ้าน ในทั่วทุกภูมิภาคของประเทศ จนกระทั่งก่อตั้งเป็นมูลนิธิศิลปาชีพ ในสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ ซึ่งมีส่วนสำคัญต่อการพัฒนาเศรษฐกิจ สร้างงาน สร้างรายได้ ของแต่ละภูมิภาค และรัฐบาลได้ให้ความสำคัญกับการพัฒนาเศรษฐกิจ พร้อมสานต่อโครงการพระราชดำริ โครงการศิลปาชีพ และมีนโยบายสนับสนุนการดำเนินงานพัฒนาโครงการหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์อย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ตั้งเป้าจะมีผู้เข้าชมงานกว่า 9 แสนคน ยอดจำหน่ายกว่า 600 ล้านบาท

 สำหรับการจัดงานครั้งนี้ เพื่อเป็นการเทิดพระเกียรติ และสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ ของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ อีกทั้งเป็นการเพิ่มช่องทางการตลาด สร้างรายได้ให้กับครัวเรือนและชุมชน โดยปีนี้งานจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 21 - 27 กุมภาพันธ์ ตั้งแต่เวลา 10.00- 21.00 น. ที่ อาคารชาเลนเจอร์ 1-3 ศูนย์แสดงสินค้าอิมแพ็ค เมืองทองธานี

นายกฯ ให้ “ร.ต.อ.เฉลิม-พล.อ.ยุทธศักดิ์” ดูแลความมั่นคง-การข่าว



อุดรธานี 22 ก.พ.- นายกรัฐมนตรี กำชับ ครม. ดูแลความปลอดภัยของประชาชน-นักท่องเที่ยวอย่างเต็มที่ หลังเกิดเหตุระเบิดสุขุมวิท 71 มอบหมาย “ร.ต.อ.เฉลิม-พล.อ.ยุทธศักดิ์” เป็นหัวหน้าทีมบูรณาการด้านการข่าว ให้ประชุมหน่วยงานความมั่นคงทุกสัปดาห์ เพื่อให้การทำงานเป็นไปในทางเดียวกัน และมีประสิทธิภาพมากขึ้น

นางฐิติมา ฉายแสง รักษาการโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลง ผลการประชุมคณะรัฐมนตรี วันนี้ ว่า นายกรัฐมนตรีได้ขอความร่วมมือ ครม. ในการดูแลความปลอดภัยของประชาชน หลังจากเกิดเหตุระเบิด ที่ ซ.สุขุมวิท 71 เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา แม้ตำรวจจะทำงานอย่างเต็มที่ แต่ก็ขอให้ทุกคนติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด โดยมอบหมายให้ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ดูแลประชาชนและนักท่องเที่ยวให้มีความปลอดภัย และให้เชิญหน่วยงานด้านความมั่นคงมาหารือ เพื่อให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

นอกจากนี้ นายฐิติมา กล่าวว่า นายกรัฐมนตรียังมอบหมายให้ ร.ต.อ.เฉลิม เป็นหัวหน้าทีม ร่วมกับ พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รองนายกรัฐมนตรี ในการบูรณาการด้านการข่าว พร้อมกับย้ำให้มีการประชุมทุกสัปดาห์ โดยเชิญหน่วยงานด้านความมั่นคง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ข่าวกรองแห่งชาติ กระทรวงกลาโหม กระทรวงการต่างประเทศ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาประชุม เพื่อให้การทำงานเป็นไปในแนวทางเดียวกัน รวมถึงวิเคราะห์ข้อมูล เพื่อให้เกิดความชัดเจนในการทำงาน

“นายกรัฐมนตรียังกำชับให้กระทรวงคมนาคม ดูแลความปลอดภัยของท่าอากาศยานอย่างใกล้ชิด และให้ตำรวจท่องเที่ยวติดตามพฤติกรรมบุคคลที่น่าสงสัย รวมทั้งให้ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองประสานกระทรวงการต่างประเทศ ให้ส่งบุคคลที่มีความเชี่ยวชาญด้านภาษาทุกภาษา มาทำงานร่วมกัน ในการตรวจสอบการเดินทางเข้า-ออกของชาวต่างชาติ และนักท่องเที่ยวให้เกิดความชัดเจน” นางฐิติมา กล่าว.

รัฐบาลเดินหน้ากู้ 2พรก.ฉลุย ศาลวินิจฉัยไม่ขัดรธน.


องค์คณะตุลาการศาลรัฐธรรม ได้ออกนั่งบัลลังก์อ่านคำวินิจฉัยกรณีการออกพระราชกำหนดการเงิน 2 ฉบับ ล่าสุด นายจรัญ ภักดีธนากุล ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ได้อ่านคำวินิจฉ้ย การให้อำนาจกระทรวงการคลัง ออกพ.ร.ก.กู้เงิน 350,000 ล้านบาท ไม่ขัดรัฐธรรมนูญ เนื่องจากอุทกภัยที่เกิดขึ้นเมื่อปลายปีได้สร้างความเสียหายให้ประเทศประชาชนจำนวน และยังมีการส่งความช่วยเหลือให้กับประชาชนและภาคเอกชนไปบางส่วน นอกจากนั้น ยังติดขัดเรื่องเวลาที่กระทรวงจะเสนองบประมาณเข้าสู่ที่ประชุมสภาซึ่งจะไม่ทันกาล ดังนั้น ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญมีมติเป็นเอกฉันท์ ถึงการออกพระราชกำหนดดังกล่าวไม่ขัดรัฐธรรม

ส่วนการพ.ร.กโอนหนี้ 1.14 ล้านล้านบาท ของรัฐบาลนั้น นายจรูญ อินทจาร ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ได้อ่านคำวินิจฉัย เห็นว่า รัฐบาลมีความพยายามที่จะบริหารจัดการเงินซึ่งเงินภาษีของประชาชน เพื่อชำระเงินต้นของกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน ขณะที่การออกพระราชบัญญัติงบประมาณเพื่อชำระหนี้เงินกู้ของกองทุนทำให้รัฐบาลเสียงบประมาณในการพัฒนาประเทศเป็นจำนวนมากแล้ว และหนี้จากกองทุนฟื้นฟูเป็นหนี้ที่เกิดขึ้นจากสถาบันการเงินที่อยู่ในการดูแลของธนาคารแห่งประเทศไทยอยู่แล้ว จึงเห็นว่า พรก.ฉบับนี้ไม่ขัดรัฐธรรมนูญมติเสียงส่วนใหญ่ 7 ต่อ 2 การออกพระราชกำหนดครั้งนี้ จะชำระหนี้เสร็จสิ้นในเวลาประมาณ 25-26 ปี และยังช่วยทำให้รัฐบาลนำงบประมาณที่ไม่ต้องตั้งเป็นงบชำระดอกเบี้ยกองทุนฟื้นฟูฯปีละ 6หมื่นล้านบาท นำกลับมาพัฒนาประเทศได้

วันพุธที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

รัฐบาลเร่งผลักดันการจัดตั้งกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีแห่งชาติ

นางนลินี ทวีสิน รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี 
รัฐบาลเร่งส่งเสริมโอกาสในการพัฒนาศักยภาพของสตรี เพื่อการจัดตั้งกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีให้สามารถเข้าถึงการมีส่วนร่วมในการเสริมสร้างความเข้มแข็งของสตรีในการพัฒนาประเทศในทุกมิติ

นางนลินี ทวีสิน รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการขับเคลื่อนกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีแห่งชาติ กล่าวในโอกาสเป็นประธานเปิดการประชุมรับฟังความคิดเห็นการดำเนินงานกองทุนพัฒนาบทบาทสตรี ชุดที่ 2 ของภาคเหนือที่จังหวัดเชียงใหม่ว่า รัฐบาลกำหนดนโยบายในวาระเร่งด่วนที่จะต้องดำเนินการในปี 2555 โดยการยกระดับความสำคัญของสตรีด้วยการจัดตั้งกองทุนพัฒนาบทบาทสตรี และสร้างสังคมให้เกิดความเสมอภาค สันติสุข ด้วยการใช้ประโยชน์จากกองทุนดังกล่าวมาเป็นแหล่งเงินทุนหมุนเวียนในการสร้างโอกาสให้สตรีได้เข้าถึงแหล่งเงินทุนสร้างงานสร้างรายได้ การพัฒนาศักยภาพสตรีและเครือข่าย การเฝ้าระวังและดูแลปัญหาสตรี การช่วยเหลือเยียวยาที่ประสบปัญหาทุกรูปแบบ รวมถึงการพัฒนาบทบาทสร้างภาวะผู้นำ องค์ความรู้ และให้สังคมเข้าใจสตรีไปพร้อมๆ กัน โดยรัฐบาลได้จัดตั้งเป็นกองทุนดอกเบี้ยต่ำ หรือปลอดดอกเบี้ย พร้อมกับแต่งตั้งคณะกรรมการขับเคลื่อนฯ เพื่อทำหน้าที่ดำเนินการ และจัดเวทีแสดงความคิดเห็นจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร์ และสมาชิกวุฒิสภา

รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า กองทุนพัฒนาบทบาทสตรีแห่งชาติ จะเป็นรากฐานสำคัญของการทำงานเพื่อสตรีในระดับท้องถิ่นถึงระดับประเทศ ได้มีส่วนร่วมคิดร่วมทำ และร่วมพัฒนา และได้รับประโยชน์จากกองทุนเพื่อนำไปสู่การมีส่วนร่วมสร้างสรรค์พัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศอย่างยั่งยืน

วันพุธที่ 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

นายกฯขอบคุณ ครม.ลงพื้นที่ทัวร์นกขมิ้น เสียงตอบรับดี

นางฐิติมา ฉายแสง  รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี 
นายกรัฐมนตรี กล่าวขอบคุณคณะรัฐมนตรีหลังได้รับเสียงตอบรับจากประชาชนเป็นอย่างดี โดยจะติดตามความคืบหน้าแผนบริหารจัดการน้ำแก้ไขปัญหาน้ำท่วมทุกเดือน

นางฐิติมา ฉายแสง รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี และรักษาการโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมครม.สัญจร(22 ก.พ.) ว่า นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวขอบคุณคณะรัฐมนตรี ที่ลงพื้นที่ทัวร์นกขมิ้นเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งได้รับการตอบรับจากประชาชนเป็นอย่างดี โดยจะติดตามความคืบหน้าทุกเดือน ทั้งเรื่องของระดับน้ำ การพยากรณ์อากาศ ซึ่งแต่ละกระทรวงจะต้องรายงานคณะกรรมการนโยบายน้ำและอุทกภัยแห่งชาติ หรือ กนอช. อย่างต่อเนื่อง หากเรื่องใดไม่สามารถตัดสินใจได้ ก็ให้ กนอช.เป็นผู้ตัดสินใจ นอกจากนี้ยังมอบหมายให้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเป็นหลักในการพยากรณ์เรื่องน้ำ และให้รายงานให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีรับทราบทุกสัปดาห์ ส่วนการประชุมคณะรัฐมนตรีสัญจรครั้งต่อไปในเดือนมีนาคมจะจัดที่ จังหวัดภูเก็ต ระหว่างวันที่ 19-20 มีนาคม