(กรุงเทพฯ 17 พฤษภาคม 2555 InsideThaiGOV) ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรี นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ได้หารือข้อราชการกับ H.E. Sheikh Hamad bin Jassim bin Jabr Al-Thani นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศกาตาร์ โดยได้มีการหารือในด้านต่างๆ ดังนี้
นายกรัฐมนตรีได้กล่าวชื่นชมความสัมพันธ์ไทยและกาตาร์ที่ไทยถือว่ากาตาร์เป็นมิตร ที่แนบแน่นและยาวนาน และหวังที่จะร่วมกับกาตาร์ในการขยายความร่วมมือทั้งในระดับทวิภาคีและภูมิภาค เพื่อประโยชน์ร่วมกัน โดยไทยชื่นชมบทบาทสำคัญของกาตาร์ในโลกมุสลิม และโดยที่กาตาร์ก็มีบทบาทสำคัญในภูมิภาคอาหรับ จึงเชื่อมั่นว่า ไทยและกาตาร์จะเป็นจุดยุทธศาสตร์ในภูมิภาค ซึ่งเป็นประตูสำหรับการค้าและการลงทุน รวมทั้งรูปแบบความร่วมมือต่างๆด้วย โดยในโอกาสนี้ ไทยได้ขอบคุณกาตาร์ที่ให้การสนับสนุนท่าทีไทยเกี่ยวกับปัญหาสถาณการณ์ จังหวัดชายแดนใต้ในเวทีองค์กรความร่วมมืออิสลามหรือ OIC มาโดยตลอด อีกทั้งสนับสนุนด้านการศึกษาและการลงทุนในภาคใต้ของไทย
ในโอกาสนี้ ไทยและกาตาร์ได้หารือถึงกรอบความร่วมมือต่างๆที่สามารถเสริมสร้างและขยายผล เพื่อประโยชน์ร่วมกัน โดยกาตาร์เห็นว่าขณะนี้ไทยมีความมั่นคงทั้งด้านการเมือง และศักยภาพการเติบโตทางเศรษฐกิจที่เข้มแข็ง ดังนั้น ไทยและกาตาร์เห็นพ้องที่จะขยายความร่วมมือโดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจ ในสาขาที่สำคัญ คือ
1. การก่อสร้าง โดยภาคเอกชนไทยมีความสนใจเข้าร่วมการพัฒนาสาธารณูปโภคและสนามกีฬา เพื่อรองรับการแข่งขันฟุตบอลโลกในปี 2022 ของกาตาร์ เพราะไทยมีศักยภาพด้านฝีมือแรงงาน สถาปัตยกรรม และการวางระบบต่างๆ ซึ่งกาตาร์ยินดีเปิดรับนักลงทุนในสาขานี้ และจะดำเนินการอย่างโปร่งใส
2. ความมั่นคงทางอาหาร โดยนายกรัฐมนตรียินดีที่มีการลงนามในแถลงการณ์ร่วมในเรื่องดังกล่าว ซึ่งในฐานะผู้ผลิตอาหารรายสำคัญ ยินดีจัดหาอาหารตามชนิดที่กาตาร์มีความต้องการ และขอให้กาตาร์ระบุความต้องการ ซึ่งไทยจะได้ผลิตตามความต้องการเป็นการเฉพาะ และเพื่ออำนวยความสะดวกในเรื่องนี้ ทั้งนี้ ไทยยินดีร่วมมือกับกาตาร์โดยสามารถเป็นไซโลอาหาร เพื่อเป็นแหล่งสำรองอาหารให้กับกาตาร์
3. ความร่วมมือภาคการลงทุน ไทยยินดีสนับสนุนกาตาร์และ QIA (Qatar Investment Authority ) และ Qatar Holding ซึ่งเป็นสถาบันการลงทุนของกาตาร์ร่วมลงทุนในภาคการเงินของไทย โดยไทยและกาตาร์จะได้ให้หน่วยงานทั้งสองประเทศนำไปหารือและศึกษาต่อไป โดยเฉพาะการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ และอสังหาริมทรัพย์ ที่กาตาร์มีความสนใจ และเสนอให้มีการจัดทำรายชื่อสาขาธุรกิจและผู้ติดต่อ เพื่อความความสะดวกและ รวดเร็วในการดำเนินงาน
4. การท่องเที่ยวเชิงการแพทย์และการบริหารจัดการโรงพยาบาล ไทยยินดีต้อนรับประชาชนกาตาร์เพื่อท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ และจะขยายความร่วมมือระหว่างกันในสาขาโรงพยาบาลและธุรกิจด้านสุขภาพ โดยรัฐบาลได้อนุมัติในหลักการให้ขยายเวลาการพำนักในประเทศไทยรวม 90 วันสำหรับการเข้ามารักษาพยาบาล นอกจากนี้ โรงพยาบาลเอกชนของไทยยินดีเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งเพื่อดูแลและอำนวยความสะดวกด้านการแพทย์ในการแข่งขันฟุตบอลโลกในปี 2022
5. ความร่วมมือด้านพลังงาน ไทยและกาตาร์ เห็นว่ายังมีศักยภาพที่จะขยายความร่วมมือระหว่างกันได้อีก โดยกาตาร์เสนอให้มีการแลกเปลี่ยนการเยือนระดับรัฐมนตรีพลังงานเพื่อผลักดัน การขยายความร่วมมือให้เป็นผล ทั้งนี้ บริษัท ปตท. และ Qatargas จะได้รับการสนับสนุนให้มีการลงนามความตกลงระยะยาวในการซื้อขายก๊าซ LNG และบริษัทพลังงานของไทยจะเป็นประตูของกาตาร์สู่อาเซียนและภูมิภาคใกล้เคียง นอกจากนี้ ไทยกำลังเจรจาซื้อก๊าซ LNG จากกาตาร์ จำนวน 600,000 ตันในปีนี้ และได้มีการตกลงซื้อขายระยะยาวจำนวน 2,000,000 ตันในปีหน้าแล้ว
6. การยกเลิกคำสั่งห้ามนำเข้าผลิตภัณฑ์ เนื้อไก่จากไทย โดยกาตาร์จะยกเลิกคำสั่งห้ามนำเข้าภายใน 2 สัปดาห์ ภายหลังการหารือ นายกรัฐมนตรีได้ร่วมเป็นสักขีพยานในการลงนามความตกลงระหว่างรัฐกาตาร์กับรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยจำนวน 4 ฉบับ ได้แก่ 1. ความตกลงว่าด้วยการจ้างแรงงานในรัฐกาตาร์ 2. บันทึกความเข้าใจว่าด้วยความ ร่วมมือด้านสาธารณสุข 3. ความตกลงว่าด้วยความร่วมมือด้านวัฒนธรรม 4. ปฏิญญาร่วมในการจัดทำบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านการค้าและการลงทุนในผลิตภัณฑ์และโภคภัณฑ์การเกษตรโดยเฉพาะอาหาร ฮาลาล
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น