นายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีต รมว. พลังงาน ให้ความเห็นเรื่องปรับ ครม. ว่า "ยังคงยืนยันเหมือนเดิมตั้งแต่เริ่มตั้ง ครม. เมื่อปีที่แล้วว่า ความสำเร็จของรัฐบาลต้องวัดจากความสามารถในการบริหารเศรษฐกิจ ซึ่งการปรับ ครม. โดยปรับเปลี่ยนทีมเศรษฐกิจทั้งหมดครั้งนี้ แสดงให้เห็นว่ารัฐบาลยอมรับความล้มเหลวในการบริหารเศรษฐกิจอย่างชัดเจน แต่ที่น่าห่วงคือ สภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบันอาการหนักกว่าปีที่แล้วที่เริ่มตั้งรัฐบาลมาก ทั้งการส่งออกที่ลดลงมาก การลงทุนที่หดหาย และการบริโภคอยู่ในระดับตำ่ และยังมีแนวโน้มที่ย่ำแย่เพิ่มเติมจาก เหตุการณ์ระเบิดที่ราชประสงค์ ที่จะทำให้นักท่องเที่ยวลดลง ซำ้เติมปัญหาจากก่อนหน้านี้ที่เศรษฐกิจโลกตกต่ำ และ เศรษฐกิจจีนตกต่ำ หุ้นตกอย่างหนัก การลดค่าเงินหยวน ซึ่งจะกระทบต่อการท่องเที่ยวและการส่งออกของไทยมากขึ้น และร่างรัฐธรรมนูญใหม่ที่จะออกมามีความไม่เป็นประชาธิปไตยสูงขนาดรองนายกฯยังยอมรับเอง ก็ยิ่งจะมีโอกาสสูงที่สหรัฐและยุโรปจะออกมาตรการกีดกันการค้ากับไทยเพิ่มเติม จากปัญหาค้ามนุษย์ที่ไทยถูกจัดอยู่ใน Tier 3 มา 2 ปีซ้อน และ เรื่อง IUU ดังนั้นจึงอยากให้กำลังใจแก่คณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจชุดใหม่ให้สามารถแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจให้ได้ ประชาชนจะไดัไม่เดือดร้อนอย่างหนักเหมือนในปัจจุบัน โดยอยากฝากไปถึง ดร. สมคิด จาตุรศรีพิทักษ์ หัวหน้าทีมเศรษฐกิจคนใหม่ ให้เร่งแก้ปัญหาเสาหลักเศรษฐกิจที่เสื่อมโทรมทั้ง การส่งออก การลงทุน และ การบริโภคตามที่เคยได้พูดไว้เองให้ได้ โดยในหนึ่งปีที่ผ่านมาปรากฏว่าเสื่อมลงเร็วมาก และอยากฝากคำถามว่าจะสามารถแก้ปัญหาเสาหลักเศรษฐกิจเสื่อมโทรมเหล่านี้ได้อย่างไรในภาวะการเมืองที่ไม่เป็นประชาธิปไตยที่ไม่เป็นที่ยอมรับเช่นนี้ ที่มีปัญหาความไม่เชื่อมั่นทั้งในประเทศและต่างประเทศ อีกทั้งจะเป็นการวัดความสามารถของ ดร. สมคิด ที่ไม่ได้อาศัยชื่อเสียงเดิมของพรรคไทยรักไทย ซึ่งส่วนตัวแล้วยังเชื่อว่า ไม่ว่าใครมาเป็น ครม. เศรษฐกิจ จะเก่งแค่ไหนก็จะไม่สามารถฟื้นเศรษฐกิจได้หากยังแก้ปัญหาหลักเรื่องความเชื่อมั่นของต่างประเทศไม่ได้ และห่วงว่าคนเก่งๆจะเสียคนกันหมด"
วันพุธที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2558
"พิชัย" ชี้ เศรษฐกิจยังฟื้นยาก แม้ปรับ ครม.
นายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีต รมว. พลังงาน ให้ความเห็นเรื่องปรับ ครม. ว่า "ยังคงยืนยันเหมือนเดิมตั้งแต่เริ่มตั้ง ครม. เมื่อปีที่แล้วว่า ความสำเร็จของรัฐบาลต้องวัดจากความสามารถในการบริหารเศรษฐกิจ ซึ่งการปรับ ครม. โดยปรับเปลี่ยนทีมเศรษฐกิจทั้งหมดครั้งนี้ แสดงให้เห็นว่ารัฐบาลยอมรับความล้มเหลวในการบริหารเศรษฐกิจอย่างชัดเจน แต่ที่น่าห่วงคือ สภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบันอาการหนักกว่าปีที่แล้วที่เริ่มตั้งรัฐบาลมาก ทั้งการส่งออกที่ลดลงมาก การลงทุนที่หดหาย และการบริโภคอยู่ในระดับตำ่ และยังมีแนวโน้มที่ย่ำแย่เพิ่มเติมจาก เหตุการณ์ระเบิดที่ราชประสงค์ ที่จะทำให้นักท่องเที่ยวลดลง ซำ้เติมปัญหาจากก่อนหน้านี้ที่เศรษฐกิจโลกตกต่ำ และ เศรษฐกิจจีนตกต่ำ หุ้นตกอย่างหนัก การลดค่าเงินหยวน ซึ่งจะกระทบต่อการท่องเที่ยวและการส่งออกของไทยมากขึ้น และร่างรัฐธรรมนูญใหม่ที่จะออกมามีความไม่เป็นประชาธิปไตยสูงขนาดรองนายกฯยังยอมรับเอง ก็ยิ่งจะมีโอกาสสูงที่สหรัฐและยุโรปจะออกมาตรการกีดกันการค้ากับไทยเพิ่มเติม จากปัญหาค้ามนุษย์ที่ไทยถูกจัดอยู่ใน Tier 3 มา 2 ปีซ้อน และ เรื่อง IUU ดังนั้นจึงอยากให้กำลังใจแก่คณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจชุดใหม่ให้สามารถแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจให้ได้ ประชาชนจะไดัไม่เดือดร้อนอย่างหนักเหมือนในปัจจุบัน โดยอยากฝากไปถึง ดร. สมคิด จาตุรศรีพิทักษ์ หัวหน้าทีมเศรษฐกิจคนใหม่ ให้เร่งแก้ปัญหาเสาหลักเศรษฐกิจที่เสื่อมโทรมทั้ง การส่งออก การลงทุน และ การบริโภคตามที่เคยได้พูดไว้เองให้ได้ โดยในหนึ่งปีที่ผ่านมาปรากฏว่าเสื่อมลงเร็วมาก และอยากฝากคำถามว่าจะสามารถแก้ปัญหาเสาหลักเศรษฐกิจเสื่อมโทรมเหล่านี้ได้อย่างไรในภาวะการเมืองที่ไม่เป็นประชาธิปไตยที่ไม่เป็นที่ยอมรับเช่นนี้ ที่มีปัญหาความไม่เชื่อมั่นทั้งในประเทศและต่างประเทศ อีกทั้งจะเป็นการวัดความสามารถของ ดร. สมคิด ที่ไม่ได้อาศัยชื่อเสียงเดิมของพรรคไทยรักไทย ซึ่งส่วนตัวแล้วยังเชื่อว่า ไม่ว่าใครมาเป็น ครม. เศรษฐกิจ จะเก่งแค่ไหนก็จะไม่สามารถฟื้นเศรษฐกิจได้หากยังแก้ปัญหาหลักเรื่องความเชื่อมั่นของต่างประเทศไม่ได้ และห่วงว่าคนเก่งๆจะเสียคนกันหมด"
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น