นายวัฒนา เมืองสุข อดีตรัฐมนตรีว่า การกระทรวงพาณิชย์ และแกนนำพรรคเพื่อไทย เผยแพร่ข้อความผ่านเครือข่ายสังคมออนไลน์ โดยมีเนื้อหาล่าสุดดังนี้
"สังคมวิปริต แจกปฏิทินผิดกฎหมาย"
ผมเพิ่งเขียนบทความก่อนปีใหม่ว่าสังคมไทยกำลังวิปริต คนเห็นผิดเป็นชอบจึงเป็นยุคที่เรียกว่า "ผู้ดีเดินตรอก ขี้ครอกเดินถนน" โดยผมพูดถึงรัฐบาลที่ประกอบไปด้วยผู้คนที่อ้างตนเป็นคนดีมีคุณธรรมอันสูงส่งแต่กลับปิดกั้นและกลัวการตรวจสอบ มีรัฐมนตรีที่ทำงานผิดฝาผิดตัวและคอยหาเรื่องโทษคนอื่นเป็นข้อแก้ตัวที่ทำงานไม่สำเร็จ บัดนี้รัฐบาลที่ผมพูดถึงก็ได้กระทำในสิ่งที่ไม่ควรทำหรือที่เรียกว่า "อกุศลกรรม" อันเป็นทางที่นำไปสู่ความเสื่อมโดยเฉพาะเรื่องปฏิทินของอดีตนายกรัฐมนตรีสองท่านที่ได้แจกให้กับพี่น้องประชาชนในโอกาสวันขึ้นปีใหม่
เริ่มจากนายกรัฐมนตรีที่ให้สัมภาษณ์เรื่องนี้ว่า "สมควรหรือไม่ให้คนทำผิดกฎหมายทำปฏิทินแจก" แล้วยังเหน็บแนมอีกว่า "จะเอาไปบูชากันหรืออย่างไร"ในขณะที่รัฐมนตรีมหาดไทยให้สัมภาษณ์ว่า "ถ้าต้องการให้เกิดคุณประโยชน์กับผู้รับไม่จำเป็นต้องใส่รูปก็ได้ เพราะตนก็ไม่ค่อยเห็นใครเอารูปส่วนตัวไปใส่ปฏิทินแจก" ส่วนรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีอีกท่านเขียนเฟซบุ๊คให้ความเห็นว่า "ภาพที่ปรากฏบนปฏิทินแขวนฝาผนังบ้านมอบให้แก่ผู้คนในวันปีใหม่นั้น ต้องเป็นภาพที่มีความหมายสำคัญยิ่งต่อคนในชาติ" จนท้ายสุดเจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารได้เรียกตัวแกนนำกลุ่มคนเสื้อแดงขอนแก่นมารายงานตัวและปรับทัศนคติ หลังร่วมกันแจกปฏิทินปีใหม่ที่มีรูปอดีตนายกรัฐมนตรีทั้งสองท่าน
การแจกปฏิทินเนื่องในโอกาสวันขึ้นปีใหม่นั้น เป็นประเพณีปฏิบัติที่ทำต่อเนื่องกันมาอย่างช้านาน รูปแบบปฏิทินมีทั้งที่ใช้ตั้งโต๊ะและแขวนฝาผนัง ส่วนรูปที่ปรากฏบนปฏิทินเป็นดุลพินิจของผู้ทำที่ต้องการสื่อไปยังผู้รับ รวมทั้งมิได้มีกฎหมายหรือขนบธรรมเนียมประเพณีใดกำหนดว่ารูปบนปฏิทินต้องเป็นแบบใด
เช่น ปฏิทินของแต่ละพรรคการเมืองก็จะมีการนำรูปหัวหน้าพรรค บุคคลสำคัญของพรรคหรือผู้แทนราษฎรในเขตที่จะทำการแจกจ่ายเป็นรูปในปฏิทิน หรือ ปฏิทินแขวนของโทรทัศน์ช่อง 3 และ ช่อง 7 ก็ใช้รูปดาราในสังกัดของตนเป็นรูปในปฏิทิน หรือ ปฏิทินของค่ายน้ำเมามักนิยมทำเป็นภาพโป๊ที่อดีตแกนนำ กปปส ท่านหนึ่งสมัยที่เป็นประจำสำนักนายกรัฐมนตรีในรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์เคยนำมาแจกในทำเนียบจนเกิดการวิพากษ์วิจารณ์ถึงความไม่เหมาะสมเมื่อปี พ.ศ. 2553 หรือแม้แต่หน่วยงานของสำนักงานตำรวจแห่งชาติก็เคยเอารูปคนร้ายมาติดไว้หน้าปฏิทินปีใหม่ ออกแจกจ่ายประชาชนได้ช่วยเป็นหูเป็นตาล่าคนร้ายก็เคยปรากฏมาแล้ว รูปภาพที่ปรากฏบนปฏิทินจึงมิได้มีข้อจำกัดว่าจะต้องเป็นแบบใดตามที่บุคคลในรัฐบาลนี้กำลังบิดเบือน
ดังนั้น การแสดงออกและการให้สัมภาษณ์ของบุคคลในรัฐบาลนี้จึงบ่งบอกได้ 2 ประการ คือ
(1) เป็นการพูดเพ้อเจ้อที่มีเจตนาให้ร้ายหรือมุ่งร้ายจัดเป็นวจีทุจริตที่มีลักษณะเป็นกรรมทางปาก อันเป็นวจีกรรมโดยมีมิจฉาทิฏฐิคือเห็นผิดเป็นชอบหรือเห็นผิดไปจากคลองธรรม นอกจากนี้คำเหน็บแนมที่ว่า "จะเอาไปบูชากันหรืออย่างไร" นอกจากจะเป็นการพูดแบบไม่มีวุฒิภาวะแล้วยังเป็นการแสดงถึงความริษยาที่เห็นประชาชนยังรักอดีตนายกรัฐมนตรี และ
(2) สำหรับรัฐมนตรีและข้าราชการที่เรียกผู้คนไปปรับทัศนคติก็มีลักษณะที่โบราณเรียกว่า "นายว่าขี้ข้าพลอย" หรือ "สอพลอ" ก็เรียกกัน ผมนึกถึงคำสัญญาของท่านผู้นำที่พูดในรายการ "คืนความสุขให้คนในชาติ" ในวันศุกร์ที่ 1 มกราคม 2559 ว่าจะปฏิรูปตัวเองใหม่ แต่สิ่งที่ท่านให้สัมภาษณ์ดังกล่าวไม่ได้แสดงให้เห็นเลยว่าท่านกำลังทำในสิ่งนั้น
ความจริงแล้วรัฐบาลควรใส่ใจกับการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน โดยเฉพาะความเดือดร้อนของพี่น้องเกษตรกรชาวสวนยางที่กำลังเผชิญปัญหายางราคา 4 กิโลร้อย หรือพี่น้องชาวนาที่ราคาข้าวตกต่ำมากกว่าจะไปทำในสิ่งที่ไร้สาระและยังมีลักษณะเป็นการบิดเบือนข้อเท็จจริง ที่สำคัญท่านกำลังทำให้พวกผมเดือดร้อนเพราะมีแต่คนอยากจะได้ปฏิทิน ต้องวิ่งหาเงินไปพิมพ์เพิ่มขึ้นเพราะปากพวกท่านแท้ๆ ช่างสมกับที่ผมเคยเรียกว่า "โอษฐภัย" จริงๆ
วัฒนา เมืองสุข
5 มกราคม 2559
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น