นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรองนายกรัฐมนตรี และแกนนำพรรคเพื่อไทย โพสต์ข้อความผ่านเครือข่ายสังคมออนไลน์ โดยมีเนื้อหาดังนี้
เลวร้ายกว่าที่คิด
เห็นร่างรัฐธรรมนูญเบื้องต้นแล้วพบว่าเนื้อหาที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์ก่อนหน้านี้มีอยู่ครบถ้วนและยังมีเนื้อหาส่วนที่ไม่เคยเปิดเผยมาก่อนเพิ่มเติมขึ้นมาอีกทำให้ร่างรัฐธรรมนูญนี้ยิ่งเลวร้ายมากยิ่งขึ้น
ร่างรัฐธรรมนูญนี้ทำให้อำนาจอธิปไตยไม่เป็นของปวงชนชาวไทย แต่อำนาจทั้งหลายอยู่กับองค์กรและกลุ่มบุคคลที่ไม่ได้มาจากประชาชนและไม่มีความเชื่อมโยงกับประชาชนเช่นวุฒิสภา องค์กรอิสระและศาลรัฐธรรมนุญซึ่งประชาชนตรวจสอบไม่ได้ เป็นการทำลายระบบตรวจสอบถ่วงดุลอย่างสิ้นเชิง ภายใต้รัฐธรรมนูญอย่างนี้การเลือกตั้งจะไร้ความหมายคือประชาชนได้ไปเลือก แต่เลือกไม่ได้ รัฐบาลหลังการเลือกตั้งจะบริหารไม่ได้ ตอบสนองความต้องการของประชาชนไม่ได้และถ้าเป็นรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งก็จะเป็นรัฐบาลที่อ่อนแอไม่มีเสถียรภาพและอยู่ไม่ได้นาน ร่างนี้เป็นร่างที่สร้างเงื่อนไขและแรงจูงใจให้สังคมก้าวสู่วิกฤตที่จะเอื้ออำนวยให้เกิดการล้มรัฐบาล การขัดขวางการเลือกตั้งทำได้ง่าย เปิดช่องให้เกิดการตีความที่จะนำไปสู่การแก้ปัญหาด้วยวิธีการที่ไม่เป็นประชาธิไตยเช่นการให้มีรัฐบาลคนนอกที่อาจปกครองประเทศเป็นเวลานาน
เมื่อปรากฏว่าตัวรัฐธรรมนูญเองสร้างวิกฤต แต่ก็จะพบว่ารัฐธรรมนูญนี้แก้ไม่ได้แล้ว การแก้ความขัดแย้งจึงเหลือเพียงการฉีกรัฐธรรมนูญเท่านั้น
รัฐธรรมนูญแบบนี้จึงกำลังทำให้ประเทศเดินเข้าสู่วงจรเดิมคือมีเลือกตั้งแล้วก็เกิดการล้มรัฐบาลและฉีกรัฐธรรมนูญโดยความร่วมมือกันของกลุ่มคนที่สามารถกระทำผิดกฎหมายได้โดยไม่มีขีดจำกัดเนื่องจากระบบยุติธรรมล้มเหลวและไม่ได้รับการแก้ไข ร่วมกับกลไกในรัฐธรรรมนูญที่ไม่มีความเชื่อมโยงกับประชาชน
เมื่ออ่านร่างทั้งหมดแล้วจะพบว่าร่างนี้มีเนื้อหาที่เลวร้ายกว่าที่เคยเปิดเผยมาก่อนหน้านี้คือเป็นรัฐธรรมนูญฉ้อฉลที่วางหมากกลไว้อย่างซับซ้อน แต่ละส่วนเชื่อมโยงกันอย่างเป็นระบบเพื่อให้แน่ใจว่าอำนาจทั้งหลายจะไม่อยู่ที่ประชาชนเลย เป็นรัฐธรรมนูญที่มุ่งรองรับการปกครองที่เป็นเผด็จการอย่างถาวร แต่แม้ว่าเนื้อหาที่เปิดเผยแล้วในขั้นนี้จะเป็นปัญหาอย่างร้ายแรงแล้วก็ตาม กระบวนการที่จะทำให้เกิดการปกครองที่เป็นเผด็จการอย่างถาวรยังไม่สิ้นสุด ร่างรัฐธรรมนูญนี้ยังได้ปูทางให้กระบวนการนี้มีความสมบูรณ์ยิ่งขึ้นอีกหลังจากรัฐธรรมนูญประกาศใช้แล้วทั้งการออกกพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญ 10 ฉบับ การกำหนดยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปสำคัญๆที่ล้วนแต่จะเกิดขึ้นภายใต้กระบวนการที่ไม่เป็นประชาธิปไตยและประชาชนไม่มีส่วนร่วมใดๆแต่จะมีผลไปอีกยาวนาน
คณะกรรมการร่างยังได้แสดงธาตุแท้ของตนโดยปราศจากความละอายใดๆด้วยการเขียนบทเฉพาะกาลที่อาจกล่าวได้ว่าเลวร้ายยิ่งกว่าตัวร่างเองคือนอกจากจะกำหนดว่าจะเกิดขึ้นอะไรขึ้นอีกเพื่อให้ระบบเผด็จการที่ออกแบบไว้มีความสมบูรณ์แล้วยังรับรองบรรดาประกาศ คำสั่งและการกระทำของคสช.หรือของหัวหน้าคสช.ที่ใช้บังคับอยู่หรือที่จะใช้บังคับต่อไปให้เป็นสิ่งที่ชอบด้วยกฎหมาย ดังที่ปรากฏในมาตรา 270 มาตรานี้มีความหมายคือเป็นการนิรโทษกรรมให้แก่คสช.ทั้งเรื่องที่ทำมาแล้วและที่จะทำต่อไปซึ่งจะหมายความว่าคสช.และหัวหน้าคสช.จะทำอะไรก็ได้โดยไม่ผิดกฎหมายใดๆทั้งสิ้น เมื่อรวมเข้ากับมาตรา 257 แล้วจะมีความหมายว่าประเทศไทยจะอยู่ภายใต้การปกครองของคสช.ที่อยู่เหนือกฎหมายทั้งปวงรวมทั้งรัฐธรรมนูญเองแม้ในช่วงที่มีการลงประชามติและการเลือกตั้งเรื่อยไปจนกว่าจะมีรัฐบาลใหม่เข้าปฏิบัติหน้าที่
บทเฉพาะกาลของร่างรัฐธรรมนูญนี้กำลังจะยืดเวลาของการที่ประเทศไม่เป็นนิติรัฐและไม่มีหลักนิติธรรมให้ยาวนานออกไป ใครที่หลงเข้าใจว่าเมื่อรัฐธรรมนูญประกาศใช้แล้วบ้านเมืองจะเป็นประชาธิปไตยมากขึ้น ประชาชนจะมีเสรีภาพมากขึ้นจึงต้องทำความเข้าใจเสียใหม่
ส่วนใครที่หวังว่าเมื่อมีการเลือกตั้งขึ้นแล้วบ้านเมืองจะดีขึ้น วิกฤตจะไม่เกิดขึ้น รัฐบาลจะแก้ปัญหาของประเทศตามที่ประชาชนต้องการ เศรษฐกิจจะดีขึ้นและประชาชนจะมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นนั้น คงต้องขอเรียนให้ทราบว่าร่างรัฐธรรมนูญนี้จะทำลายความหวังทั้งหลายนั้นอย่างแน่นอน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น