วันอาทิตย์ที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2559

"ยิ่งลักษณ์" ขอความเป็นธรรม แนะ "ประยุทธ์" อย่าเลือกปฏิบัติ


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความผ่านเครือข่ายสังคมออนไลน์ โดยมีเนื้อหาดังนี้

ทุกอย่างที่นายกฯยืนยันออกมาจากปากท่านว่าการดำเนินการที่เกี่ยวข้องกับคดีดิฉันเป็นไปตามกฏหมายไม่ได้กลั่นแกล้ง ก็อยากให้นายกฯใช้หลักคิดและให้ความเป็นธรรมกับดิฉันเหมือนที่ท่านให้ความเป็นธรรมและปกป้องน้องชายท่านรวมทั้งคนที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นพวกเดียวกับท่านเพราะกฏหมายมีไว้บังคับใช้กับทุกคนไม่ใช่เลือกปฏิบัติกับฝั่งดิฉันเพียงฝ่ายเดียว

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า นายนรวิชญ์ หล้าแหล่ง ทนายความของ นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โพสต์ Facebook Norrawit Larlaeng ว่า

วันนี้ (25 กันยายน 2559) ได้อ่านข่าว ที่ พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด ได้พูดถึง ในกรณีที่นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ออกมาเรียกร้องความเป็นธรรม ในเรื่องที่ถูกกล่าวหาเป็นคดีความทั้งหลาย และได้ฝากถึงทีมทนายความด้วยนั้น

น่าเห็นใจท่านอดีตนายกรัฐมนตรี นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นอย่างยิ่ง ในยามที่ท่านไม่มีตำแหน่งใดๆ เป็นปุถุชนคนธรรมดาแล้ว ซึ่งนอกจากจะถูกดำเนินคดี จากการที่รัฐบาลดำเนินโครงการรับจำนำข้าวที่เป็นโครงการสาธารณะมุ่งช่วยเหลือพี่น้องเกษตรกรชาวนา ซึ่งคดีอยู่ระหว่างการพิจารณาคดีของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองแล้ว ยังถูกคำสั่งให้ดำเนินคดีทางปกครอง เพื่อให้ชดใช้ค่าเสียหายอีก นอกจากนี้ยังมีคดีที่อยู่ระหว่างการไต่สวนของคณะกรรรมการ ป.ป.ช. อีกถึง 15 คดี

และที่สำคัญและน่าเห็นใจเป็นอย่างยิ่ง ในวันนี้อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ผู้ที่เคยเป็นอดีตผู้บังคับบัญชาถูกดูหมิ่นดูแคลนอีก ทั้งที่ นางสาวยิ่งลักษณ์ ใช้สิทธิในกระบวนการยุติธรรม ในการโต้แย้งคัดค้าน ซึ่งเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานของผู้ถูกกล่าวหาตามรัฐธรรมนูญที่กระทำได้ และคดีความทั้งหลายยังไม่ถึงที่สุด ทีมทนายมีข้อสังเกตอีกว่า

1. พล.ต.สรรเสริญ เข้ามาทำงานในตำแหน่งโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในการบริหารประเทศ ในลักษณะ "พิเศษ" คงไม่เข้าใจใน "สิทธิในกระบวนการยุติธรรม" ซึ่งเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานตามที่รัฐธรรมนูญรับรองและคุ้มครองไว้ ซึ่งเป็นหลักสากล ทั่วโลกเขายอมรับกัน

2. การใช้ มาตรา 44 นอกจากจะเป็นการนอกกรอบที่รัฐธรรมนูญให้อำนาจไว้แล้ว ยังเป็นการใช้อย่างฟุ่มเฟื่อยไป หรือไม่ เริ่มตั้งแต่ในชั้นการสอบข้อเท็จจริงความรับทางละเมิด เกี่ยวกับโครงการรับจำนำข้าว ก็ใช้ มาตรา 44 และพอจะบังคับคดี ยึดทรัพย์ ก็ใช้ มาตรา 44 ให้อำนาจกรมบังคับคดียึดทรัพย์อีก ทั้งที่ กรมบังคับคดีไม่มีอำนาจ และมีกฎหมายปกติบังคับใช้อยู่แล้ว ไม่จำต้องมาใช้ มาตรา 44

3. เมื่อ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นผู้ลงนามแต่งตั้งคณะกรรรมการสอบข้อเท็จจริงความรับทางละเมิด ซึ่งตามกฎหมาย และระเบียบ พล.อ.ประยุทธ์ ในฐานะผู้แต่งตั้งต้องเป็นลงนามเอง แต่แปลกใจว่า กลับออกคำสั่งให้ผู้อื่นลงนามแทน ในเรื่องนี้ น่าจะมีกุนซือกฎหมายใหญ่ของรัฐบาลแนะนำ เพื่อไม่ให้ พล.อ.ประยุทธ์ ถูกฟ้องร้องดำเนินคดี

4. การใช้ มาตรา 44 นอกจากจะเป็นการเอาเปรียบทางกฎหมายแล้ว ยังกลับไม่กล้าลงนามเองอีก อย่างนี้เรียกว่า เป็นการเอาเปรียบทางกฎหมาย 2 ชั้น แต่อย่างไรก็ตามทีมทนายจะได้ดำเนินการโต้แย้งคัดค้าน และต่อสู้คดีให้ถึงที่สุด ต่อไป

5. สุดท้ายอยากฝากถึง พล.ต.สรรเสริญ คงจำได้ปีที่แล้ว ผมเคยแนะนำให้ ท่านไปทำบุญ นั่งสมาธิ จิตใจ จะได้สงบ ช่วงนี้เป็นช่วงเข้าพรรษา ผมก็ขอแนะนำให้ท่านไป ทำบุญ นั่งสมาธิ บ้าง จิตใจ จะได้สงบ และต้องทำอย่างต่อเนื่อง ทุกๆปี จิตใจ จะได้สงบ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น