ขอเล่าเรื่อง "ทักษิณ" (3)
ท่านนายกทักษิณเป็นคนเก่งและมีวิสัยทัศน์ แต่บางครั้งความเก่งเกินไปก็กลายเป็นปัญหาทำให้ฝ่ายตรงข้ามต้องรวมหัวจัดการ ผมร่วมงานกับท่านที่พรรคไทยรักไทยตั้งแต่ปี พ.ศ. 2543 หลังชนะเลือกตั้งครั้งแรกผมเป็นเลขานายกรับผิดชอบงานต่างประเทศ จากนั้นเป็นรัฐมนตรีช่วยและว่าการพาณิชย์จนครบเทอมเลือกตั้ง จึงอาจกล่าวได้ว่าผมเป็นนักการเมืองที่มีความใกล้ชิดกับท่านมากคนหนึ่งเพราะต้องอยู่และเดินทางไปต่างประเทศกับท่านตลอด 4 ปีกว่า ฟินแลนด์ผมก็ไปด้วยแต่ไม่เคยได้ยินเรื่องปฏิญญาแบบที่ท่านถูกกล่าวหา สิ่งที่ท่านคิดและผมยืนยันได้เพราะอยู่ด้วยตลอด คือยุทธศาสตร์การต่อสู้เอาชนะความยากจนเพื่อให้คนไทยได้อยู่ดีกินดี เกินเลยจากนี้ผมไม่เคยได้ยิน ถ้าท่านคิดผมก็คงไม่เอาด้วย
สูตรสำเร็จในการยึดอำนาจจากรัฐบาลที่ประชาชนเลือกคือ กล่าวหาว่ารัฐบาลเดิมทุจริตหรือไม่จงรักภักดี ท่านนายกทักษิณก็ถูกกล่าวหาด้วยสองเรื่องนี้เช่นกัน เรื่องทุจริตคณะปฏิวัติได้ตั้ง คตส. ซึ่งประกอบด้วยผู้คนที่เป็นปฏิปักษ์กับท่านและเลือกดำเนินคดีเฉพาะบุคคลใน ครม. ทักษิณเท่านั้น จึงเลือกปฏิบัติและถือเป็นการจัดตั้งองค์กรขึ้นใหม่ซ้ำซ้อนกับ ป.ป.ช. ซึ่งเป็นองค์กรเดิมที่มีอยู่แล้ว ขัดกับหลักนิติธรรมและขัดต่อหลักความยุติธรรมอาญา ท่านจึงเดินทางไปได้ทุกประเทศที่พัฒนาแล้วซึ่งมีความเป็นประชาธิปไตยและยึดถือหลักนิติธรรมสูงสุด เช่น สหภาพยุโรป สหรัฐอเมริกา และออสเตรเลีย ส่วนฝ่ายที่กล่าวหาและพยายามติดตามตัวท่านมาลงโทษกลับไม่เคยได้รับเชิญให้เดินทางไปประเทศที่เจริญเหล่านี้ ผมได้แต่ปลอบใจท่านว่าอาจารย์ปรีดี พนมยงค์ ก็เป็นคนเก่งที่อยู่เมืองไทยไม่ได้เช่นกัน
ท่านนายกทักษิณไม่ใช่พวกชอบพูดถึงสถาบันหรืออวดอ้างตัวเองว่าจงรักภักดี เพราะถือเป็นหน้าที่ของคนไทยทุกคนและส่วนใหญ่ผู้ที่ชอบแอบอ้างก็ล้วนทำเพื่อประโยชน์ของตัวทั้งสิ้น ท่านถูกฝ่ายตรงข้ามกล่าวหาว่าอยู่เบื้องหลังขบวนการล้มเจ้า ท่านพิสูจน์โดยการฟ้องและดำเนินคดีกับทุกคนที่กล่าวหาจนต้องออกมาขอโทษต่อสาธารณะหลายราย ส่วนที่อ้างว่าท่านยังพบปะพูดคุยกับหลายคนที่มีแนวคิดทำนองนี้ก็ไม่ได้เป็นข้อสรุป เพราะท่านอยู่ต่างประเทศซึ่งมีเพื่อนน้อย เวลาเจอคนไทยไปหาท่านย่อมต้องสนทนาด้วยแต่ไม่ได้แปลว่าท่านต้องคิดเหมือนคู่สนทนา ก็ขนาดผู้นำบางประเทศไปจับมือกับประธานาธิบดีสหรัฐมา ผมยังไม่เคยเห็นใครไปกล่าวหาท่านผู้นำว่ามีความคิดนิยมระบอบสาธารณรัฐ ทั้งไม่ได้ทำให้ท่านมีความคิดเป็นประชาธิปไตยเหมือนคนที่ท่านไปคุยและจับมือด้วย ตอนหน้าผมจะเล่าเรื่องการลงทุนอีกหนึ่งธุรกิจของท่านให้ฟัง แต่ไม่ใช่การผลิตรองเท้าแตะไปตีตลาดโลกแน่นอน เพราะเรื่องแบบนี้ท่านนายกทักษิณคงคิดไม่ออกครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น