วันพฤหัสบดีที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

"พิชัย" ห่วงเศรษฐกิจทรุด แนะรัฐแก้ไขแทนแก้ตัว


นายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า ตามที่ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ออกมาบอกว่า "หลายคนบอกว่าเศรษฐกิจไม่ดี ไม่มีคนมาลงทุน เอาอะไรมาพูด บอกอีกว่าไม่มีใครมาคบค้าสมาคม แล้วอยู่มาได้อย่างไร 2 ปีครึ่ง จะอยู่มาได้อย่างไร ถ้าไม่มีการค้าขาย ไม่มีการส่งออก ไม่มีการนำเข้า การค้าขายหลายอย่างก็เพิ่มขึ้นไม่รู้กี่เท่า โครงการลงทุนปี 2559 ปี 2560 มากกว่าการประมาณการณ์ไว้ จำนวนก็มากกว่า มูลค่าก็มากกว่า ไม่ใช่เพราะเขาชอบผม แต่เพราะเราปรับเรื่องการอำนวยความสะดวก สิทธิประโยชน์ ปรับให้ทัดเทียมกับประเทศเพื่อนบ้าน ไม่เช่นนั้นเขาก็ไปที่อื่นหมด"

จึงอยากให้พลเอกประยุทธ์ได้เช็คข้อมูลเศรษฐกิจให้ดีก่อนออกมาพูด ถ้าการลงทุนภาคเอกชนและการส่งออกดีจริง เศรษฐกิจคงไม่แย่อย่างปัจจุบัน พลเอกประยุทธ์น่าจะสอบถามนายสมชัย สัจจพงษ์ ปลัดกระทรวงการคลังที่พึ่งออกมาบ่นน้อยใจว่านักลงทุนไม่ยอมลงทุนแม้รัฐให้สิทธิประโยชน์มากมาย และเช็คกับแบงค์ชาติว่าการลงทุนจริงๆมีเท่าไร เพราะข้อมูลสาธารณะออกมาว่าปี 2558 การลงทุนจากต่างประเทศหายไป 90% และปี 2559 หายไปอีกเกือบ 100 % อีกทั้งการส่งออกปี 2559 ที่แท้จริงก็ไม่ได้เพิ่มจากการส่งออกปี 2558 ที่ลดลงถึง 5.78% ซึ่งไม่ได้มีใครบิดเบือน

ดังนั้นผู้ที่ให้ข้อมูลเศรษฐกิจแก่พลเอกประยุทธ์น่าจะให้ข้อมูลที่ผิดพลาด เพราะพลเอกประยุทธ์เองเคยยอมรับเองว่าไม่ได้มีความชำนาญทางเศรษฐกิจ จึงอาจจะไม่ทราบความจริงว่าสภาวะเศรษฐกิจปัจจุบันย่ำแย่ขนาดไหน ประชาชนลำบากกันขนาดไหน ตลอด 2 ปีครึ่งที่ผ่านมาสภาวะเศรษฐกิจได้เสื่อมถอยมาโดยตลอด ที่ดูเหมือนประคองอยู่ได้ก็เพราะอาศัยแรงส่งจากเศรษฐกิจเดิมหรืออาศัยบุญเก่าเท่านั้น และบุญเก่าก็กำลังจะหมด ดังนั้นพลเอกประยุทธ์ควรลงโทษและเปลี่ยนผู้ที่ให้ข้อมูลผิดๆ เพราะเท่ากับทำให้นายกรัฐมนตรีไม่ได้ทราบสภาวะเศรษฐกิจที่แท้จริง และจะแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจไม่ถูกทางเพราะคิดว่าเศรษฐกิจดีแล้ว ยิ่งดัชนีทุจริตของไทยพุ่งโดยถูกลดอันดับไปอยู่ที่ 101 จากอันดับเดิมที่ 76  ก็จะยิ่งทำให้ไม่มีการลงทุนจากต่างประเทศ แม้ว่าไทยจะพยายามจัดอันดับความสะดวกในการลงทุนให้ดีขึ้น

ทั้งนี้เพราะนักลงทุนต่างประเทศจะให้ความสำคัญกับความโปร่งใสในการทำธุรกิจมากกว่าความสะดวกในการทำธุรกิจ เพราะขนาดไทยได้อันดับความสะดวกดีขึ้นแต่กลับไม่มีคนมาลงทุน อีกทั้ง การกลับสู่ระบอบการปกครองที่เป็นที่ยอมรับของนานาชาติก็ยังเลื่อนลอย แถมสื่อหลักต่างประเทศยังบอกว่าไทยจะมีโอกาสเกิดปฏิวัติได้อีกเป็นอันดับ 2 ของโลกรองจากประเทศบุรุนดี การลงทุนก็น่าจะยิ่งหดหายไปอีก ดังนั้นจึงอยากให้พลเอกประยุทธ์ได้หาที่ปรึกษาทางเศรษฐกิจที่มีความรู้ความชำนาญอย่างแท้จริงคอยช่วยเหลือให้คำแนะนำและการสนับสนุน ไม่ใช่คอยแต่ให้ข้อมูลที่แก้ตัวเพื่อเอาใจอย่างเดียว เพราะประชาชนจะยิ่งลำบากเพิ่มขึ้นไปอีก

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น