นายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน และคณะทำงานเศรษฐกิจ พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เห็นด้วยกับกระทรวงการคลัง ใช้อำนาจตามมาตรา 44 เพื่อให้แก้ปัญหาคอร์รัปชั่นจากการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ ว่าเรื่องดังกล่าวเป็นการแก้ตัว และแก้ไขปัญหาหลังจากที่ดัชนีชี้วัดภาพลักษณ์คอร์รัปชั่นโลก ปี 2559 คะแนนไทยร่วงเป็น 101 จาก 176 ประเทศ ทำให้สังคมมองว่าเกิดการทุจริตกันมาก
นายพิชัยชี้ว่าปัญหาคอร์รัปชั่นเป็นเรื่องที่อยู่ในสังคมไทยมาโดยตลอด การจะใช้มาตรา 44 มาแก้กฎหมายคอร์รัปชั่นจะเป็นเรื่องที่ไม่ยั่งยืน เพราะที่ผ่านมาปัญหาการคอร์รัปชั่นส่วนใหญ่จะเกิดมากมายในช่วงที่ประเทศไม่เป็นประชาธิปไตย มากกว่าช่วงที่ประเทศเป็นประชาธิปไตย เพราะรัฐบาลสามารถถูกตรวจสอบจากฝ่ายค้านได้ตามกลไกรัฐสภา ปัญหาพื้นฐานของคอร์รัปชั่นจึงจะต้องแก้ที่วิธีคิด การปลูกฝังจิตสำนึก การปฎิบัติ และการยอมรับของประชาชน และการใช้มาตรา 44 ของ คสช. ต้องดูว่าจะใช้กับคนกลุ่มใด เพราะปัญหาการทุจริตคอร์รัปชั่นที่ผ่านมา 2 ปี ส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องที่มาจากรัฐบาลเสียเองที่สังคมรู้แล้วว่ามีการทุจริตจริง แต่รัฐบาลจะกล้าใช้กับเรื่องเหล่านี้หรือไม่?
นายพิชัย ฝากอีกว่าการทุจริตต่างๆที่ไปเกี่ยวข้องกับผู้ใช้อำนาจมาตรา 44 ก็จะไม่มีการตรวจสอบ แล้วการปราบคอร์รัปชั่นจะดีได้หรือไม่? แต่เชื่อว่ามีโอกาสสูงที่จะนำกฏหมายดังกล่าวไปปฏิบัติกับฝ่ายตรงข้ามรัฐบาลเพื่อสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับตนเอง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น