นายชวลิต วิชยสุทธิ์ อดีตรองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า อยากให้รัฐบาลและ คสช. พิจารณาข้อมูลที่เป็นตัวบ่งชี้ถึงปัญหาเศรษฐกิจที่อาจเสียหายหนัก และยากต่อการแก้ไขให้ฟื้นกลับคืนมา หากไม่ออกไปจากปัญหานั้นโดยเร็ว ซึ่งปัญหานั้นได้แก่
- เงินคงคลัง จากเกือบ 5 แสนล้านบาท ก่อนรัฐประหาร เหลือเพียง 7 หมื่นล้านบาท ต่ำสุดในรอบหลายปี
- รัฐบาลได้ตั้งงบประมาณในปี 2561 ขาดดุลถึง 450,000 ล้านบาท และตั้งแต่ปี 2558 จนถึงปัจจุบัน รัฐบาลตั้งงบขาดดุลจมลึกมากขึ้นทุกปีๆ
- การลงทุนในประเทศ มีแต่งบลงทุนจากภาครัฐเท่านั้น ภาคเอกชนทั้งไทยและเทศไม่ได้ลงทุนให้สอดคล้องกับแนวทางหรือยุทธศาสตร์การพัฒนาประเทศ น่าเป็นห่วงว่างบประมาณที่ลงไปขาเดียวจะได้ผลคุ้มค่าหรือไม่? เปรียบเสมือนคนมี 2 ขา หากเดินขาเดียว จะก้าวไปข้างหน้าได้อย่างไร? ประเทศก็เช่นกัน หากภาคเอกชนทั้งไทยและเทศไม่เชื่อมั่นแล้ว ประเทศจะเดินไปข้างหน้าได้อย่างไร?
นายชวลิต กล่าวในที่สุดว่า ไปที่ไหนก็มีแต่คนบ่นว่าเศรษฐกิจย่ำแย่ ตนรู้สึกเห็นใจนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ที่ดูแลด้านเศรษฐกิจ โดยตนเคยเปรียบเปรยว่า ต่อให้ 10 สมคิด ก็แก้ไขปัญหาเศรษฐกิจไปได้ยาก เพราะระบบการเมือง การปกครอง ไม่เอื้ออำนวย หากผู้มีส่วนเกี่ยวข้องยอมรับความจริงซึ่งเป็นปัญหาดังกล่าวข้างต้น ก็ยังมีหนทางที่จะออกจากปัญหาได้ทันการณ์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น