ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 10.00น. ที่ผ่านมา นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ทีมกฎหมายพรรคเพื่อไทย ได้เดินทางไปยื่นหนังสือที่สำนักงาน ป.ป.ช. สนามบินน้ำ เพื่อร้องให้ทำการไต่สวนเอาผิดกับคณะรัฐมนตรีและกรมสรรพากร
นายเรืองไกรกล่าวกับสื่อมวลชนว่า กรณีที่คณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อวันที่ 14 มีนาคม 2560 ให้กรมสรรพากรทำการประเมินภาษีจากอดีตนายกฯทักษิณ ชินวัตร จำนวนกว่า 1.7 หมื่นล้านบาท และต่อมาเจ้าหน้าที่กรมสรรพากรได้นำหนังสือประเมินภาษีที่ไม่มีการระบุเลขที่ ไปปิดที่หน้าบ้านเมื่อ 28 มีนาคม ที่ผ่านมานั้น เรื่องดังกล่าวเป็นการใช้อำนาจโดยไม่มีหลักกฎหมายและผิดไปจากข้อเท็จจริงที่ยุติไปแล้ว ตามคำพิพากษาศาลฎีกาที่ อม. 1/2553 และคำพิพากษาศาลภาษีอากรกลางที่ 242-243/2553 ซึ่งจากผลของคำพิพากษาทั้งสอง กรมสรรพากรจึงมีการสั่งยุติเรื่องไปแล้ว ทั้งนี้ตามเอกสารราชการที่ถือเป็นหลักฐานเด็ด 2 ฉบับ คือ
(1) บันทึกข้อความของสำนักตรวจสอบภาษีกลาง ที่ กค 0710/ตส/1460 ลงวันที่ 2 มีนาคม 2555 ที่อธิบดีกรมสรรพากรมีคำสั่งให้ยุติเรื่อง และ
(2)หนังสือกระทรวงการคลังที่ กค 0717/ล.1804 ลงวันที่ 15 พฤศจิกายน 2555 ที่ตอบไปยัง ป.ป.ช. ว่า การซื้อขายหุ้นชินคอร์ปดังกล่าว จึงไม่เกิดขึ้น
ผลก็คือ เมื่อธุรกรรมการซื้อขายหุ้นไม่เคยเกิดขึ้น ดังนั้น นายทักษิณ ย่อมไม่มีเงินได้จากการซื้อขายหุ้นชินคอร์ปผ่านบริษัทแอมเพิลริช แต่อย่างใด และการขายหุ้นชินคอร์ปให้กลุ่มเทมาเส็กเมื่อวันที่ 23 มกราคม 2549 ก็เป็นการขายในตลาดหลักทรัพย์ กำไรที่ได้จากการขายหุ้น จึงได้รับยกเว้นภาษีตามกฎกระทรวง
นายเรืองไกร กล่าวว่า กรณีดังกล่าว คณะรัฐมนตรี กรมสรรพากร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ต้องรู้ถึงผลของคำพิพากษาศาลฎีกาและศาลภาษีแล้ว รวมทั้งการสั่งยุติเรื่องตามข้อความในหนังสือทั้งสองฉบับด้วย ดังนั้น การหาเหตุมาประเมินภาษีครั้งนี้ จึงชัดเจนว่า ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ไม่มีอำนาจที่จะทำได้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น