นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รักษาการรองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงสถานการณ์น้ำท่วมในหลายจังหวัด ว่า น่าเสียดายที่คำสั่งห้ามพรรคการเมืองทำกิจกรรมทางการเมืองยังไม่ถูกยกเลิก จึงทำให้การประชุมเพื่อระดมความคิดเห็นในการหาแนวทางฟื้นฟู เยียวยา แก้ไขสถานการณ์ รวมถึงการลงพื้นที่เพื่อช่วยเหลือพี่น้องประชาชนผู้ประสบภัยน้ำท่วมไม่สามารถดำเนินการได้เต็มที่มากนัก แต่ทางพรรคก็ได้กำชับอย่างไม่เป็นทางการ และขอความร่วมมือไปยังอดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของพรรคให้ลงพื้นที่ช่วยเหลือดูแลประชาชน โดยเฉพาะในยามที่ประชาชนประสบกับความยากลำบากในสถานการณ์น้ำท่วมหนัก บุคลากรทางการเมืองของพรรคเพื่อไทยต้องอยู่เคียงข้างประชาชน แม้ไม่มีงบประมาณ ไม่มีเครื่องมือในการเข้าไปช่วยเหลือฟื้นฟูอย่างเต็มที่ แต่ก็ต้องเอาหัวใจไปอยู่กับประชาชน ทำหน้าที่ตามกำลังความสามารถของแต่ละคน ทั้งการจัดถุงยังชีพ ข้าวสาร อาหาร น้ำดื่ม เข้าไปช่วยเหลือพี่น้องประชาชน ซึ่งอดีต ส.ส. และบุคลากรทางการเมือง ก็ได้เข้าไปช่วยเหลือเยียวยาตามศักยภาพ ส่วนข้อถกเถียงเขื่อนแตกหรือไม่แตก ประเด็นไม่ได้อยู่ที่การเอาชนะคะคานกันว่าแตกหรือไม่แตก แต่อยู่ที่การเปิดเผยข้อมูลข่าวสารอย่างถูกต้อง ครบถ้วน ตรงไปตรงมา สื่อสารเตือนภัยให้ประชาชนได้รับทราบ ไม่บิดเบือนหรือปิดบังข้อมูลข่าวสาร เพื่อประชาชนจะได้เตรียมตัวรับมือกับสถานการณ์ได้อย่างถูกต้อง ทันท่วงที
การพยายามเปรียบเทียบว่าน้ำท่วมปีนี้กับปี 2554 แตกต่างกัน ปีนี้เป็นภัยธรรมชาติ ปี 2554 เป็นการบริหารที่ผิดพลาดนั้น ตนคิดว่าการพูดลักษณะนี้ไม่เกิดประโยชน์อะไร สู้เอาเวลาที่จะพูดพาดพิงกันไปช่วยเยียวยาแก้ไขสถานการณ์ให้กับพี่น้องประชาชนจะดีกว่า ซึ่งความเป็นจริงปี 2554 เฉพาะพายุลูกหนักๆ ก็ 5 ลูก เข้าไปแล้ว ทั้งไหหม่า นกเตน ไห่ถาง เนสาด และนาลแก ปีนี้ที่หนักเพิ่งเจอเซินกาลูกเดียว ยังเสียหายไปประมาณ 15,725 ล้านบาท หรือคิดเป็น 0.1% ของ GDP ระหว่าง 5 ลูก กับ 1 ลูก ประชาชนตัดสินใจเปรียบเทียบได้ ปัญหาจึงอยู่ที่ว่าได้เตรียมการรับมือและถอดบทเรียนครั้งนี้เพื่อการบูรณาการการทำงานในการรับมือกับพายุลูกต่อๆ ไปอย่างไรมากกว่า ทุกฝ่ายพึงตระหนักว่าช่วงที่พี่น้องประชาชนทุกข์ยาก ลำบาก เราต้องช่วยกันสร้างขวัญและกำลังใจ มีน้ำใจให้กัน ไม่ใช่สาดโคลนใส่กัน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น