ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทนายวันชัย บุนนาค นักวิชาการด้านกฎหมาย โพสต์ข้อความผ่านเครือข่ายสังคมออนไลน์ แฟนเพจ ทนายวันชัย บุนนาค โดยมีเนื้อหาดังนี้
ในฐานะผมเป็นทนายความมา 32 ปี รู้สึกห่วงใยต่อกระบวนการยุติธรรมจริงๆ เพราะตอนนี้การบังคับใช้กฎหมาย ใช้การตีความขยายความแบบไปกันใหญ่แล้ว จะไม่ให้ประชาชนรู้สึกว่าเลือกปฏิบัติได้อย่างไร
ผมอ่านจากข่าว เช่น หมายจับอดีตนายกรัฐมนตรีให้มาฟังคำพิพากษา เมื่อถึงวันที่ 27 กันยายน 2560
เมื่อภายหลังศาลฎีกาฯ อ่านคำพิพากษาลับหลังแล้ว หมายจับนี้สิ้นสภาพทันที
ตำรวจไม่ว่าตำแหน่งใหญ่เท่าไหน หากยังคงใช้หมายจับให้จับตัวมาฟังคำพิพากษาที่สิ้นสภาพแล้ว เพื่อไปใช้ตามจับ ไปใช้ค้นบ้าน อดีตนายกยิ่งลักษณ์ฯอีกได้หรือ? ประเด็นตรงนี้คือ เพราะเขาอ้างว่าได้ขอศาลอาญาและศาลอาญาออกหมายค้นให้โดยน่าจะมาจากคดีรับจำนำข้าว ซึ่งตรงจุดนี้ ยังไม่ชัดเจนว่าอ้างจากหมายจับให้มาฟังคำพิพากษาที่สิ้นสภาพไปแล้ว หรืออ้างคำพิพากษาที่เพิ่งตัดสินอย่างเดียว แต่ไม่ว่าจะอย่างใด ก็น่าจะถือว่าทำผิด
- เพราะหมายจับให้มาฟังคำพิพากษานั้น สิ้นสภาพไปแล้วนับแต่มีการอ่านคำพิพากษาลับหลัง
- ส่วนคำพิพากษา คดียังไม่ถึงที่สุด (เพราะอาจมีอุทธรณ์) และศาลยังไม่ได้ออกหมายแดง
ดังนั้นที่ถูกต้อง น่าจะแยกแยะให้ชัดเจน และต้องให้ศาลออกหมายแดงก่อน และเป็นช่วงของการติดตามจับตัวมารับโทษ ส่วนการที่ไปขอหมายค้นจากศาลอาญาโดยอ้างหมายจับให้จับตัวอดีตนายกฯมาฟังคำพิพากษานั้น ถ้าสมมุติว่าเป็นในทำนองนั้น มันจะเป็นที่แคลงใจนะครับว่า ทำได้หรือไม่ หมายค้นชอบด้วยกฎหมายหรือไม่?
ผมจึงเป็นห่วงว่า การบังคับใช้กฎหมายกันอย่างไม่เท่าเทียม และไม่ตรงตามตัวบทกฎหมาย ไม่ตรงตามรัฐธรรมนูญจะยังผลให้มหาชนสิ้นศรัทธาต่อกระบวนการยุติธรรม
ด้วยความห่วงใย
ทนายวันชัย บุนนาค
30 กันยายน 2560