นายชวลิต วิชยสุทธิ์ อดีตรองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย ให้ความเห็นกรณีรัฐบาลมีนโยบายให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จัดทำร่าง พ.ร.บ.ทรัพยากรน้ำ พ.ศ. .... มีหลักการให้เก็บค่าใช้น้ำจากเกษตรกรและผู้ใช้น้ำ ว่า "การจะเรียกเก็บค่าใช้น้ำจากเกษตรกร ควรดูว่าสภาพเศรษฐกิจปัจจุบันของเกษตรกรมีความพร้อมที่จะจ่ายค่าใช้น้ำหรือไม่? การที่รัฐบาลกำลังปลื้มตัวเลข GDP ที่สูงขึ้น และกำลังประชาสัมพันธ์อย่างกว้างขวาง นั้น ตนเกรงว่าจะทำให้ประชาชนที่ไม่ได้ตรวจสอบข้อมูลให้รอบด้านเข้าใจว่าเศรษฐกิจในภาพรวมของประเทศดีขึ้น เพราะในข้อเท็จจริง ทั้ง ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และกระทรวงการคลัง ซึ่งเป็นฝ่ายประจำ เห็นว่าเศรษฐกิจที่โตขึ้นนั้น เป็นการเติบโตแบบกระจุกตัว ได้ประโยชน์เฉพาะส่วนบน ซึ่งได้แก่ภาคส่วนการส่งออกของบริษัทใหญ่ๆ เป็นหลัก ส่วน SME และเกษตรกรชาวรากหญ้ายังย่ำแย่ ทั้งนี้ โดยส่วนตนเห็นว่าชาวนาไม่ได้รับประโยชน์ที่เศรษฐกิจโตขึ้นดังกล่าว มีแต่จะเพิ่มความเหลื่อมล้ำระหว่างคนรวยกับคนจนให้เพิ่มมากขึ้น"
นายชวลิต กล่าวต่อไปว่า "ดังนั้น ตนจึงเห็นแย้งนโยบายการเก็บค่าใช้น้ำจากเกษตรกร เพราะทุกวันนี้เกษตรกรชาวนามีแต่หนี้สินรุงรัง รายรับไม่พอกับรายจ่าย ทั้งอาชีพเกษตรกรมีความเสี่ยงมากมาย ไม่ว่าจะเป็นภัยธรรมชาติ ฝนตก น้ำท่วม หรือโรคแมลงระบาด รัฐบาลในอดีตถึงพยายามคิดนโยบายอุดหนุนเกษตรกร เช่น โครงการรับจำนำข้าว ซึ่งช่วยให้ชาวนาลืมตาอ้าปากได้ แต่บัดนี้ รัฐบาลปัจจุบันได้ยุติโครงการรับจำนำข้าวไปแล้ว โดยไม่มีอะไรมาทดแทน ซ้ำจะมาเพิ่มภาระด้วยการเก็บค่าใช้น้ำจากเกษตรกร ตนจึงเห็นว่าเป็นนโยบายที่ไม่เหมาะสมกับสภาพเศรษฐกิจปัจจุบันที่เกษตรกรกำลังได้รับความเดือดร้อนดังกล่าว จึงควรชะลอ ร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้ออกไปก่อน"
นายชวลิต กล่าวในที่สุดว่า "หนทางที่เหมาะสมขณะนี้ก็คือ รัฐบาลควรบริหารจัดการน้ำให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เพราะประเทศไทยมีปริมาณฝนตกมาก แต่น้ำไหลลงทะเลมากกว่าเก็บกักไว้ใช้เพื่อการเกษตรและด้านอื่นๆ"
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น