“ตระกูล ป. เอาอีกแล้ว”
การที่ ครม. อนุมัติให้กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ) กระทรวงมหาดไทย จัดหาเครื่องตรวจจับความเร็วแบบพกพา จำนวน 849 เครื่อง เป็นเงิน 573 ล้านบาทเศษ โดยใช้งบกลางคือการใช้งบประมาณที่ผิดวินัยการเงิน การคลังและวิธีการงบประมาณ กล่าวคือ
(1) งบกลางคืองบประมาณที่กันไว้เป็นเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นซึ่งไม่อาจคาดเห็นล่วงหน้า เช่น ภัยพิบัติที่เกิดจาก น้ำท่วม หรือไฟไหม้ เป็นต้น (2) การจัดซื้อเครื่องตรวจจับความเร็วไม่ใช่กรณีเร่งด่วนฉุกเฉิน จึงควรตั้งเป็นงบประมาณรายจ่ายประจำปีเพื่อให้สามารถตรวจสอบการใช้เงินได้ (3) หน่วยงานที่จะใช้เครื่องต้องมีอำนาจจับกุมการใช้ความเร็วเกินกำหนด ได้แก่ สตช. และกรมการขนส่งทางบก ส่วน ปภ ไม่มีอำนาจกลับเป็นคนขอใช้งบประมาณ (4) ราคาสูงเครื่องละ 670,000 บาท เพราะตรวจวัดความเร็วได้ไม่น้อยกว่า 320 กิโลเมตร/ชั่วโมง โดย รมว.มท. ให้เหตุผลว่าจะเอามาใช้ในถนนชุมชนหรือถนนสายรองที่เป็นทางเชื่อมต่อระหว่างอำเภอ ตำบล และหมู่บ้าน ที่มีสถิติเสียชีวิตมาก แต่ความจริงอุบัติเหตุเกิดขึ้นจากสาเหตุอื่น เช่น หลับใน หรือแซงในที่คับขัน ไม่ได้เกิดจากการใช้ความเร็วเกินกำหนดเพราะสภาพของถนนชุมชนหรือถนนสายรองรถวิ่งเร็วไม่ได้อยู่แล้ว
นอกจากจะไม่มีความจำเป็นที่ต้องซื้อแล้ว ยังกำหนดคุณสมบัติที่สูงเกินความจำเป็น ผลคือต้องใช้เงินจำนวนมากโดยเปล่าประโยชน์อันเป็นการ “ผลาญ” งบประมาณที่มาจากภาษีของประชาชน ยังไม่นับรวมถึงความไม่สมเหตุผลของการใช้งานที่ต้องใช้คนถือ แถมแอบนำเข้า ครม ในช่วงที่รัฐบาลขอให้ทุกฝ่ายลดการวิพากษ์วิจารณ์เพราะเป็นช่วงพระราชพิธีสำคัญ ซึ่งคล้ายกับการอนุมัติซื้อเรือดำน้ำที่แอบนำเข้า ครม ช่วงที่คนกำลังเดินทางกลับจากสงกรานต์ นี่คือหนึ่งในนวัตกรรมของรัฐบาลที่เข้ามาเพื่อปราบโกง เสนอโดยพลเอกอนุพงษ์ เห็นชอบโดยพลเอกประวิตร และอนุมัติงบกลางโดยพลเอกประยุทธ์ ส่วนประชาชนเจ้าของเงินทำได้แค่นั่งดู
วัฒนา เมืองสุข
สมาชิกพรรคเพื่อไทย
21 ตุลาคม 2560
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น