วันพฤหัสบดีที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2561

“เพื่อไทย” เผยประยุทธ์จำนนยอมรับเป็นนักการเมือง-จับตาเดินสายล็อบบี้ตั้งพรรคทหาร


นายชวลิต วิชยสุทธิ์ อดีตรองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย ให้ความเห็นกรณี พล..ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ยอมรับว่าตนไม่ใช่ทหาร แต่เป็นนักการเมืองที่เคยเป็นทหาร ว่าการยอมรับดังกล่าว เพราะจำนนด้วยหลักฐานหรือไม่? กล่าวคือ จะเห็นได้ว่า การลงพื้นที่ในการประชุม ครม.สัญจรก็ดี หรือส่วนตัวก็ดี มีการนัดพบกลุ่มนักการเมืองทั้งโดยเปิดเผยและในทางลับ สอดคล้องกับข่าวการตั้งพรรคทหารหรือพรรคการเมืองที่สนับสนุนนายกรัฐมนตรีที่มาจากคนนอก ประกอบกับเมื่อมีคำสั่ง คสช. ที่ 53/2560 เท่ากับรีเซ็ตสมาชิกพรรคการเมืองและอดีต .. โดยอ้อม การอ้างว่าเพื่อให้เกิดความเท่าเทียมกันระหว่างพรรคการเมืองเก่ากับพรรคการเมืองใหม่ เป็นกลยุทธ์ที่จะเอาเปรียบทางการเมืองหรือไม่? จึงอาจจะเพิ่มน้ำหนักว่า เป็นการดำเนินการเพื่อประโยชน์ส่วนตนและพวกพ้อง 

ทั้งนี้ เป็นที่ทราบกันดีว่า ผู้ที่ร้องขอให้แก้ไข พรป.พรรคการเมืองเป็นกลุ่มการเมืองที่ประกาศว่าจะสนับสนุนผู้ใดเป็นนายกรัฐมนตรี จึงทำให้เห็นภาพการเตรียมการอย่างเป็นกระบวนการ ตั้งแต่การกำหนดกติกาในกฎหมายรัฐธรรมนูญที่เอื้อให้นายกรัฐมนตรีมาจากคนนอก มาจนถึงการจัดตั้งพรรคการเมืองสนับสนุนตนและพวกพ้อง และการเดินล็อบบี้กลุ่มการเมืองต่างๆ ทั้งโดยเปิดเผยและทางลับดังกล่าวข้างต้น ยิ่งเมื่อติดตามเหตุการณ์ย้อนหลัง จะเห็นว่าฟากฝั่งประชาธิปไตยถูกดำเนินการแต่เพียงฝ่ายเดียว ในขณะที่กลุ่มการเมืองที่ไม่ยอมรับกติกายังอยู่ดีและมีอำนาจต่อรองสูงในการรีเซ็ตสมาชิกพรรคการเมืองโดยอ้อมดังกล่าว
          
นายชวลิต กล่าวเพิ่มเติมในประเด็นสำคัญว่าเหตุผลหรือวัตถุประสงค์ในการยึดอำนาจเมื่อ 22 พฤษภาคม 2557 ได้อ้างว่า เพื่อแก้ไขปัญหาความขัดแย้ง สร้างความปรองดองในบ้านเมือง ปฏิรูปประเทศ และปราบปรามการทุจริต กล่าวโดยสรุปก็คือ เข้ามาเป็น "คนกลาง" เพื่อสะสางปัญหาบ้านเมือง ดังนั้น เมื่อตัวตนได้เปิดเผยออกมา จึงน่าจะมิใช่ "คนกลาง" ดังที่ประชาชนคาดหวัง ประกอบกับเมื่อมีคำกล่าวสำคัญที่ว่า "ได้ใช้กองหนุนเกือบจะหมดแล้ว" น่าจะเป็นสัญญาณว่า เวลาในการทำหน้าที่ที่เคยอ้างว่าเป็น "คนกลาง" ได้จบลงหรือไม่?”
          
นายชวลิต กล่าวในที่สุดว่าเมื่อนายกรัฐมนตรียอมรับว่าเป็นนักการเมืองเต็มตัว และประกาศต่อสาธารณะว่าจะมีการเลือกตั้งทั่วไปในเดือนพฤศจิกายน 2561 นับว่าเป็นเรื่องที่น่ายินดีที่ท่านเปิดตัวเป็นทางเลือกของประชาชน ไม่ว่าจะเป็นนายกรัฐมนตรีที่มาจากคนนอก หรือเสนอตัวเป็นนายกรัฐมนตรีเอง ซึ่งอะไรก็เกิดขึ้นได้ เพราะท่านเคยปฏิเสธตลอดมาว่าไม่ใช่นักการเมือง แต่วันนี้ยอมรับแล้วว่าเป็นนักการเมือง ดังนั้น อะไรๆ ก็เกิดขึ้นได้ แต่จะได้รับความเชื่อมั่นหรือไม่ เป็นอีกประเด็นหนึ่ง
             

อย่างไรก็ตาม เมื่อรับว่าเป็นนักการเมืองและอยู่ในอำนาจในฝ่ายบริหาร จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีคุณธรรมจริยธรรม ไม่เอาเปรียบพรรคการเมืองอื่นที่ไม่ใช่พวกพ้องของตน รวมทั้งต้องจัดการเลือกตั้งด้วยความเป็นกลาง บริสุทธิ์ ยุติธรรม ถึงจะนำพาประเทศให้ได้รับความเชื่อมั่นจากประชาคมโลกและนักลงทุน แต่ถ้าทำตรงข้าม ก็จะทำลายความเชื่อมั่นประเทศเสียเอง จึงขอให้กำลังใจในการทำหน้าที่ฝ่ายบริหารอย่างมีคุณธรรม และจริยธรรมด้วยความยินดีอย่างยิ่ง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น