วันอังคารที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561

"เรืองไกร" ยื่นสอบ ครม.-คสช. ถือหุ้นขัดรัฐธรรมนูญ


นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ อดีตสมาชิกวุฒิสภา เดินทางเข้ายื่นหนังสือต่อ กกต. ขอให้ดำเนินการตรวจสอบ นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ กรณีการถือหุ้น SCC ของ บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) จำนวน 5,000 หุ้น ว่าเป็นหุ้นสัมปทานหรือไม่? ซึ่งอาจเป็นการกระทำที่เข้าข่ายขัดกันแห่งผลประโยชน์ ตามหมวด 9 ของรัฐธรรมนูญ 2560 และอาจเข้าข่ายขาดคุณสมบัติตามมาตรา 186 ประกอบมาตรา 184 วรรคหนึ่ง (2) ประกอบมาตรา 170 วรรคหนึ่ง (5) หรือไม่? พร้อมทั้งขอให้ กกต. ดำเนินการตามมาตรา 170 วรรคสาม ส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยต่อไป

โดย นายเรืองไกร กล่าวว่า “จากกรณีที่ นพ.ธีระเกียรติ ได้มีการยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินต่อ ป.ป.ช. 4 ครั้ง โดยพบว่าการยื่นในตำแหน่ง รมช.ศึกษาธิการ 3 ครั้งแรก มีหุ้น SCC ของบริษัท ปูนซีเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) 4,200 หุ้น แต่การยื่นครั้งหลังสุดพบว่ามีจำนวนหุ้นที่เพิ่มขึ้น 800 หุ้น รวมเป็น 5,000 หุ้น จึงควรตรวจสอบว่า หุ้นจำนวน 800 หุ้น ได้มาในระหว่างการดำรงตำแหน่งหรือไม่? เพราะถ้าได้มาภายหลังรัฐธรรมนูญใช้บังคับและยังคงถืออยู่ กกต. ก็จะต้องตรวจสอบ ตามมาตรา 186 ประกอบ 184 (2) ส่วนการที่ นพ.ธีระเกียรติ อ้างความเห็นกฤษฎีกานั้น ผมได้ค้นหาข้อมูลดังกล่าวไม่เจอ แต่พบเพียงว่ากฤษฎีกาเคยตีความ พ.ร.บ.การเป็นหุ้นส่วนของรัฐมนตรี ที่ตีความว่า ครม. ต้องทำตามรัฐธรรมนูญ จะไม่ทำตามไม่ได้ ส่วนความเห็นของนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ที่บอกว่าหุ้นเป็นเรื่องของมาตรา 187 นั้น ไม่เกี่ยวกันเพราะหุ้นสัมปทานเพียงหุ้นเดียวก็ถือไม่ได้ นอกจากนั้นจะต้องตรวจสอบเรื่องที่ นพ.ธีระเกียรติ อ้างว่าคนอื่นก็มีหุ้นในลักษณะดังกล่าวนั้นเป็นผู้ใด? และ นพ.ธีระเกียรติก็ควรต้องเปิดเผยออกมา ดังนั้นจึงให้ กกต. และศาลรัฐธรรมนูญตัดสินและวินิจฉัย”

นายเรืองไกร กล่าวอีกว่า "ขอให้ กกต.เร่งพิจารณากรณีคุณสมบัติ 9 รัฐมนตรี ที่ได้ยื่นเรื่องให้ กกต. พิจารณาไปตั้งแต่ช่วงเดือนพฤษภาคม 2560 ที่ถือครองหุ้นขัดต่อรัฐธรรมนูญ แต่ปรากฏว่ายังไม่มีความคืบหน้าในการตรวจสอบ ดังนั้น ภายใน 1-2 เดือนนี้ จะยื่นหนังสือทวงถามต่อ กกต. อีกครั้ง ในขณะเดียวกันก็อยากให้ กกต. ชุดปัจจุบันเร่งดำเนินการตรวจสอบให้แล้วเสร็จก่อนที่จะพ้นจากตำแหน่ง"

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น