วันศุกร์ที่ 16 มีนาคม พ.ศ. 2561

คนรุ่นใหม่เพื่อไทย ยินดีต้อนรับพรรคใหม่ลงสนามการเมือง


นายสุรชาติ เทียนทอง อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรกรุงเทพมหานคร เขต 11 พรรคเพื่อไทย บุตรชายนายเสนาะ เทียนทอง ได้โพสต์ข้อความผ่านเครือข่ายสังคมออนไลน์ โดยมีเนื้อหาดังนี้

หลายอาทิตย์ผ่านมาติดตามข่าวเรื่องกลุ่มต่างๆยื่นจัดตั้งพรรคการเมืองกับ กกต.บอกตรงๆรู้สึกตื่นเต้นมาก ที่ตื่นเต้นไม่ใช่เพราะคิดว่านี่เป็นสัญญาณว่าจะมีการเลือกตั้ง สำหรับผมจะมีเลือกตั้งเมื่อไหร่เป็นเรื่องเล็ก การทำงาน (ไม่ใช่เล่น) การเมือง ถ้าชอบมันก็ทำได้ทุกวัน ไม่ต้องรอให้มีเลือกตั้ง โดยเฉพาะคนที่เคยแพ้มาแล้ว เคยชนะมาแล้วมันจะสมหวังหรือผิดหวังอีกสักทีก็คงไม่แปลก ที่บอกว่าตื่นเต้นเพราะเห็นความหลากหลายของกลุ่มใหม่+พรรคเดิมแล้วมันทำให้เราต้องใช้เวลาครุ่นคิดอย่างจริงจังว่าพวกเรา (นักการเมืองทั้งหมด) จะต้องทำอะไรบ้างเพื่อให้ประชาชนมีความหวังกับการเลือกตั้งที่วันนึงมันจะเกิดขึ้น ทำยังไงจะเรียกศรัทธาคืนจากประชาชนให้ระบอบประชาธิปไตย ไม่ใช่แค่อยากเลือกตั้งเพียงเพราะเบื่อกับระบบที่เป็นอยู่ แล้วหลังเลือกตั้งพวกเราจะสามารถนำพาประเทศนี้ไปสู่ก้าวใหม่กับอะไรที่ดีกว่าหรืออย่างน้อยก็ให้หลุดจางวงจรความขัดแย้งเดิมๆที่เป็นตัวฉุดรั้งพวกเราไว้ได้หรือไม่ ผมว่านี่เป็นเรื่องที่น่าท้าทายและก็น่าตื่นเต้นที่จะคิด

ผมว่าการมีกลุ่มและพรรคการเมืองที่หลากหลายเป็นเรื่องน่ายินดี ไม่ว่าจะกลุ่มใหม่ คนใหม่ กลุ่มใหม่ คนเดิม พรรคเดิม คนใหม่ พรรคเดิม คนเดิม จะสนับสนุนใครเป็นนายกฯ จะคนนอก คนในหรือใครก็เป็นสิทธิ์ สุดท้ายประชาชนจะเป็นคนตัดสินใจทางเลือกของเขาเอง นักการเมืองด้วยกันไม่ว่าหน้าใหม่ หน้าเก่าไม่ต้องมานั่งคิดสมการทางการเมืองว่าเลือกตั้งใครจะชนะ ใครจะตัดคะแนนใคร ไม่ต้องวิจารณ์หรือเตะตัดขากันเองหรอกว่าเก่าหรือใหม่หรือระบบไหนมันจะดีกว่ากันแต่เราควรให้โอกาสทุกคนทุกพรรค ให้โอกาสตัวเองและให้โอกาสกับประเทศนี้ ผมว่าสิ่งที่พวกเราควรทำตอนนี้คือการพูดน้อยๆและฟังเยอะๆ ฟังว่าประชาชนทุกกลุ่มทุกฝ่ายเขาอยากเห็นอะไรจากเรา เขาชอบที่ได้มีอารมณ์ร่วมกับการที่เราลุกขึ้นมาด่ากันเองเกือบทุกวันจริงๆเหรอ หรือเขาอยากให้เราทำเยอะๆ พูดเฉพาะเรื่องที่จำเป็น นำเสนอสิ่งที่จะทำให้ชีวิตเขาและลูกหลานเขาดีขึ้น เก็บข้อมูลกันเยอะๆครับ ถึงเวลานำเสนอนโยบายและตัวบุคคลให้ชัดเจนแล้วให้ประชาชนเขาเลือกเอง เราอย่าไปมีอีโก้หรือยึดติดว่าจะต้องเป็นฉันหรือพรรคฉันเท่านั้นที่จะทำให้ประเทศนี้มันดีขึ้นได้ ถ้าอีกฝ่ายที่ความคิดไม่เหมือนชนะจะทำให้ประเทศมันแย่ลง อย่าไปคิดว่าฉันจะต้องเป็นดาวฤกษ์ ต้องมีคนรู้จักมีแสงในตัวเอง พูดอะไรจะได้มีคนฟัง ส่วนคนที่ไม่ค่อยมีคนรู้จักก็ไม่ต้องไปน้อยใจคิดว่าตัวเองเป็นดาวเคราะห์ ไม่มีแสงในตัวเอง คิดแค่ว่าเราเป็นไฟฉายที่ไม่มีถ่านในตัว ถ้าประชาชนเขาเห็นว่ามันมีประโยชน์เขาก็จะยิบขึ้นมาใส่ถ่านเพื่อใช้เป็นไฟส่องทางให้เขาผ่านความมืดเพื่อรอแสงสว่างในตอนเช้าได้

ที่เขียนมาผมอยากจะบอกว่าผมไม่ใช่คนโลกสวย เข้าใจว่าการเมืองมันไม่ใช่สิ่งสวยงาม และชีวิตทางการเมืองผมมันก็ไม่ได้สวยงามอะไรเลย ทำการเมืองมา 13 ปี สอบตกอยู่ 6 ปี เป็น ส.ส. 2 ปีครึ่ง เป็นอดีต ส.ส.อีก 4 ปีกว่า ส่วนอนาคตคาดเดาไม่ได้ วันนี้เดินเลยเขตหลักสี่มาก็ไม่มีใครรู้จักแล้ว ถ้าคิดตามคนอื่นว่าการเมืองคือการลงทุน ผมคงขาดทุนไปถึงชาติหน้าแล้ว แต่อยากจะบอกว่าจริงๆการจะทำการเมืองให้มันดีขึ้นมันเริ่มได้ไม่ยากแค่เราทำตามสำนึก ทำตามหน้าที่ตามอุดมการณ์ที่อยากจะเห็นบ้านเมืองนี้มันดีขึ้นจริงๆและเอาหลักการความเป็น”มืออาชีพ” มาใช้ให้มากๆมันก็ดีขึ้นแล้ว

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น