นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ พร้อมด้วย นายณรงค์ศักดิ์ มณี นายวิภูแถลง พัฒนภูมิไท นายสมชาย ไพบูลย์ นายพายัพ ปั้นเกตุ และนายแพทย์เหวง โตจิราการ แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) แกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ หรือ นปช. เดินทางมาที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก เพื่อนำตัวส่งฟ้อง ต่อศาลหลังอัยการมีความเห็นสมควรสั่งฟ้อง 15 แกนนำ นปช. ในคดีการชุมนุมปี 2552 ที่บริเวณสะพานชมัยมรุเชฐ หน้าทำเนียบรัฐบาล โดยนายณัฐวุฒิ กล่าวว่า ในวันนี้ไม่มีความกังวลใด ๆ กับการที่อัยการสั่งฟ้อง เพราะมั่นใจในความบริสุทธิ์ ข้อเท็จจริง และพยานหลักฐานที่มี ซึ่งการที่อัยการสั่งฟ้องในครั้งนี้เป็นเรื่องที่ตนสงสัย เนื่องจากตนถูกดำเนินคดีทั้งในกรุงเทพและพัทยาไปแล้วจากคดีการชุมชนุมในปี 2552 และได้ทำเรื่องขอความเป็นธรรม ไปยังอัยการสูงสุดว่าเป็นการฟ้องซ้ำซ้อนหรือไม่ ซึ่งขณะนี้ยังอยู่ในกระบวนการพิจารณา และยังไม่มีข้อสรุปจากอัยการสูงสุด ส่วนในวันนี้ที่จะถูกสั่งฟ้องนั้น ตนและแกนนำได้เตรียมหลักทรัพย์เป็นเงินสดคนละ 2 แสนบาท เพื่อยื่นขอประกันตัว และต่อสู้ตามกระบวนการต่อไป และยืนยันว่าทุกคดีความ พร้อมที่ต่อสู้ตามกระบวนการยุติธรรมจนถึงที่สุด ขณะเดียวกันก็จะดำเนินการร้องขอความเป็นธรรมด้วย เพราะการฟ้องคดีซ้ำซ้อนเช่นนี้ เป็นการกระทำที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่?
ทั้งนี้ ตนอยากให้บรรทัดฐานของกรณีนี้ ใช้เทียบเคียงกับคดีอื่นๆ ของกลุ่มผู้ชุมนุมทางการเมือง เช่น กปปส. ที่ศาลชั้นต้นได้พิพากษาจำคุกจำเลยในคดีขัดขวางการเลือกตั้งที่ จ.พัทลุงไปแล้ว ก็อยากให้มีการดำเนินคดีกับแกนนำ หรือผู้ร่วมสนับสนุนในส่วนกลาง ที่มีการเชิญชวนปลุกระดมให้มีการขัดขวางการเลือกตั้งด้วย รวมไปถึงยังมีการก่อเหตุใช้อาวุธปืน และอาวุธสงคราม และปรากฎภาพใบหน้าชายฉกรรจ์ในกลุ่ม กปปส. ถืออาวุธอย่างชัดเจน แต่ยังไม่มีการดำเนินคดีใดๆ จึงอยากเห็นกระบวนการยุติธรรมที่มีมาตรฐานเดียวกัน ชัดเจน ตรงไปตรงมา และยืนยันว่าตนไม่ได้มีความคิดที่จะตามหาเรื่องหรือคิดพยาบาทใดๆ กับกลุ่มผู้ชุมนุมทางการเมืองอื่นๆ เพียงแต่อยากเห็นกระบวนการยุติธรรมไม่เลือกฝ่าย และเท่าเทียมกันในทุกๆคดี
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น