นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ รองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่คณะกรรมการการเลือกตั้งหรือ กกต. มีมติ กรณี ที่นายดอน ปรมัตถ์วินัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศมีลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ แต่จนถึงวันนี้ยังไม่มีท่าทีใดใด แต่กลับมีคำพูดออกมาจากรองนายกรัฐมนตรีนายวิษณุ เครืองาม ว่านายดอนยังไม่ต้องรีบร้อนยื่นใบลาออก วันนี้นายวิษณุต้องไม่ลืมว่าตัวเองเป็นอาจารย์ที่สอนหลักการกฎหมายมาอย่างยาวนานอย่าให้เกิดความคิดว่าพอมาทำงานกับรัฐบาลเผด็จการเลยต้องเปลี่ยนแนวคิด และหลักการ เพราะตนเกรงว่าลูกศิษย์จะเลิกเรียกคำนำหน้าว่าอาจารย์ไปเป็นอย่างอื่น
นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ รักษาการรองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า "วันนี้ยิ่งทำให้ประชาชนเห็นแล้วว่าคำกล่าวอ้างเพื่อยึดอำนาจปี 2557 เป็นเพียงแค่วาทกรรมว่าจะปฏิรูปในด้านต่างๆ ทั้งที่เรื่องแค่นี้คณะรัฐมนตรีรัฐบาลของพลเอกประยุทธ์ ยังไม่สามารถปฏิบัติตนให้เป็นต้นแบบได้ ทั้งที่ก่อนหน้านี้ ต่อว่าต่อขานเหน็บแนม จิกกัดนักการเมืองมาโดยตลอด"
นายจิรายุ กล่าวต่อว่า รัฐบาลพร่ำบอกประชาชนอย่างต่อเนื่องให้เคารพและปฏิบัติตามกฏหมายดังนั้นวันนี้รัฐบาลที่ยึดอำนาจและกล่าวอ้างว่าจะปฏิรูปต้องทำให้เป็นแบบอย่างที่ดี ด้วยการเคารพและปฏิบัติตามกฎหมายและควรเริ่มด้วยกฎหมายสูงสุดของประเทศนั่นก็คือรัฐธรรมนูญอย่าได้ทำเพิกเฉยเพราะเห็นว่าเป็นพวกเดียวกันกับท่าน
“ควรปรับ ครม.เอาพวกรัฐมนตรีที่ไม่เหมาะสมออกไปได้แล้ววันนี้ประชาชนให้โอกาสท่านมามากพอแล้ว แต่ท่านกลับมองไม่เห็นหัวของประชาชนใช่หรือไม่? เพราะดูอะไรที่เป็นความผิดของพวกเดียวกันปานประหนึ่งว่ากลับทำเป็นมองไม่เห็น" นายจิรายุกล่าว
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่าในการประชุมคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เมื่อปลายสัปดาห์ที่แล้วที่ ประชุม กกต. มีมติเสียงข้างมากเห็นว่าการถือครองหุ้นของนายดอน ปรมัตถ์วินัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เข้าข่ายลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ เนื่องจากคู่สมรสถือครองหุ้นในธุรกิจอยู่เกินกว่า 5% แล้วไม่แจ้ง ป.ป.ช.ภายในเวลาที่กำหนด
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น