นายชวลิต วิชยสุทธิ์ อดีตรองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย ให้ความเห็นกรณี ครม.อนุมัติวงเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2562 จำนวน 3 ล้านล้านบาท และได้ส่งร่าง พ.ร.บ.งบประมาณ ฯ ให้ สนช.พิจารณาให้ความเห็นชอบต่อไป นั้น ว่า “ตนรู้สึกเป็นห่วงที่รัฐบาลนี้ใช้งบประมาณเพิ่มมากขึ้นทุกปี ๆ รวมแล้วถึง 16 ล้านล้านบาท ซึ่งถ้าใช้เม็ดเงินอย่างถูกทาง มีประสิทธิภาพ ชาวบ้านก็น่าจะอยู่ดี กินดี แต่การณ์กลับตรงข้าม ข้อมูลเชิงประจักษ์ปรากฎว่า ชาวบ้านมาลงทะเบียนขอบัตรคนจนถึง 14.1 ล้านคน จากประชากร 70 ล้านคน สะท้อนว่า ยิ่งอยู่นาน ชาวบ้านยิ่งยากจน หรือไม่?”
ตนขอตั้งข้อสังเกตว่า กว่า 80 ปีที่ผ่านมา ประเทศไทยมีการปฏิวัติรัฐประหารกว่า 10 ครั้ง ใช้เวลาในการบริหารประเทศรวมกันแล้วมากกว่ารัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชนเป็นเท่าตัว ที่สำคัญ ประชาชนไม่ได้มีโอกาสเหมือนประเทศที่ศิวิไลซ์ในการคัดเลือกพรรคการเมือง นักการเมือง อย่างต่อเนื่อง ได้เห็น ดร.มหาธีร์ ของมาเลเซีย เมื่อได้รับอาณัติจากประชาชน มีนโยบายลดเงินเดือน ครม. ยกเลิกโครงการที่ยังไม่จำเป็นเร่งด่วนและใช้งบประมาณสูง เพื่อประหยัดงบประมาณ และเอาเงินมาช่วยแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนก่อน
ของเรา แม่น้ำ 5 สาย รับเงินเดือน ค่าตอบแทนกันกี่ทาง? ร่าง รธน.แทนทึ่จะเสร็จแต่ร่างแรก ก็อยู่ยาวมาจนทุกวันนี้ ถ้าอยู่แล้วดี ก็อนุโมทนาสาธุการ แต่ถ้าอยู่แล้วคนจนเพิ่มขึ้น ๆ ก็น่าจะพิจารณาประสิทธิภาพการบริหาร ประการสำคัญ เมื่อดูประเทศเพือนบ้านที่เจริญก้าวหน้า ก็ต้องกลับมาย้อนมองดูตัวเรา ทำอย่างไรจะยุติความขัดแย้ง แล้วมาร่วมมือกันสร้างประเทศไทยให้ศิวิไลซ์เหมือนนานาอารยประเทศ เบื้องต้นต้องตั้งเป้านำตัวเลขคนมาขอลงทะเบียนรับบัตรคนจนสูงถึง 14.1 ล้านคน เป็นโจทย์ใหญ่ การจะแก้ปัญหาสำคัญ ๆ ของบ้านเมืองได้ การเมือง การปกครองต้องมีเสถียรภาพ และประเทศที่เจริญแล้วล้วนปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตยเป็นส่วนใหญ่ ประการสำคัญต้องต่อเนื่อง ไม่มีปฏิวัติ รัฐประหารมาคั่นกลาง
ประเทศไทยอาจเกิดเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ครั้งสำคัญที่อาจจารึกชั่วลูก หลาน และให้ปรากฎแก่สายตานานาอารยประเทศได้ หากวันที่ 22 มิถุนายน ที่จะถึงนี้ ศาลฎีกาจะพิพากษาไม่ยอมรับอำนาจการปฏิวัติ รัฐประหาร ว่าเป็นสิ่งที่ถูกต้องตามกฎหมาย หากเป็นเช่นนั้นจริง คำพังเพย
ที่มีมาช้านาน ว่ายุคนี้จะเป็นยุค "ชาวศิวิไลซ์" คงเกิดขึ้นในศักราชนี้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น