วันอาทิตย์ที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2561

"หมวดเจี๊ยบ" เสนอ "ปฏิรูปกองทัพ 4.0" เคารพสิทธิมนุษยชนกำลังพล-ตรวจสอบได้


#TV24 ร้อยโทหญิง สุณิสา ทิวากรดำรง หรือ หมวดเจี๊ยบ สมาชิกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า "ปัญหาการซ้อมทรมาน พลทหารฯ คชา พะชะ ชี้ให้เห็นความไร้ภาวะผู้นำของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่ไม่ใช่นักแก้ปัญหาที่ดี แต่ชอบซุกปัญหาไว้ใต้พรม เพื่อซื้อเวลาแล้วรอให้เรื่องเงียบไปเอง เช่น เหตุการณ์น้ำท่วม ที่ จ.เพชรบุรี รัฐบาลดีแต่โทษว่าสื่อเสนอข่าวรุนแรงเกินจริง แต่ผลปรากฎว่าขณะนี้ สถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ยังอยู่ในภาวะวิกฤติจริงๆ แถมยังไม่ได้รับความสนใจจากสังคมเท่าที่ควร เพราะไม่ค่อยมีข่าวอีกต่างหาก เช่นเดียวกับปัญหาความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ รัฐบาลก็ใช้วิธีปิดข่าวเพื่อไม่ให้สังคมรู้สึกว่าแก้ปัญหาไม่ได้ ทั้งๆที่ปัญหายังรุนแรงอยู่ แต่เมื่อสังคมไม่สนใจ รัฐบาลก็ไม่รู้สึกกดดันและแก้ปัญหาแบบเช้าชามเย็นชามได้ แต่พฤติกรรมการบริหารงานแบบผักชีโรยหน้าเช่นนี้ สะท้อนให้เห็นว่า พล.อ.ประยุทธ์ ไม่เหมาะที่จะเป็นผู้นำประเทศ"

ร้อยโทหญิง สุณิสา กล่าวต่อว่า "ทั้งนี้ ถ้าเป็นผู้นำประเทศที่กล้าคิดกล้าตัดสินใจ เมื่อเกิดปัญหาทหารเกณฑ์ถูกซ้อมจนสมองตาย ป่านนี้ก็ต้องผลักดันให้กองทัพ รีบชี้แจงแล้วว่า เกิดอะไรขึ้น แล้วทำไมการทำร้ายร่างกายถึงขั้นทำให้สมองตาย เหตุใดจึงไม่ทิ้งร่องรอยเป็นหลักฐาน ซึ่งแม้แต่แพทย์ก็ตรวจไม่พบ แสดงว่ามันมีกรรมวิธีซ้อมทรมานโดยทำให้ไม่เห็นบาดแผลเพื่อให้สาวไม่ถึงตัวคนกระทำผิด ที่ปฏิบัติกันจนเคยชินจนเป็นเรื่องธรรมดาอย่างนั้นหรือ? หรือว่าการแถลงผลการตรวจของโรงพยาบาลมีปัญหาหรือถูกกดดัน นอกจากนี้กองทัพกำลังทำตัวเหมือนเป็นคนกลางนำตัวคนลงมือมารับโทษเพื่อให้เรื่องจบซึ่งไม่เพียงพอ รัฐบาลและกองทัพค้องร่วมรับผิดชอบและลงมือแก้ปัญหาอย่างเป็นระบบ ไม่งั้นก็จะยังมีเหยื่อรายต่อไปไม่จบสิ้น ทั้งยังจะกระทบความเชื่อมั่นของประชาชนที่มีต่อกระบวนการยุติธรรมและระบบการเกณฑ์ทหารด้วย"

"ทั้งนี้ ถ้าจะทำให้การซ้อมทรมานหมดไปจากระบบ ทั้งรัฐบาลและกองทัพต้องปฎิรูปแนวทางดูแลกำลังพลโดยต้องเคารพสิทธิมนุษยชนของกำลังพล และปฏิรูปกองทัพให้เป็นยุค 4.0 ซึ่ง Small but Sure and Accountable หรือ เล็กพริกขี้หนูและตรวจสอบได้ ทั้งยังควรเปลี่ยนมารับผู้สมัครใจเป็นทหารแทน แล้วเลิกบังคับให้ทุกคนต้องเกณฑ์ทหาร ซึ่งจะสอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจและสังคม รวมทั้งสถานการณ์โลกในยุคปัจจุบันที่เปลี่ยนไป" ร้อยโทหญิง สุณิสา กล่าว

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น