ร้อยโทหญิง สุณิสา กล่าวต่อว่า "ทั้งนี้ ถ้าเป็นผู้นำประเทศที่กล้าคิดกล้าตัดสินใจ เมื่อเกิดปัญหาทหารเกณฑ์ถูกซ้อมจนสมองตาย ป่านนี้ก็ต้องผลักดันให้กองทัพ รีบชี้แจงแล้วว่า เกิดอะไรขึ้น แล้วทำไมการทำร้ายร่างกายถึงขั้นทำให้สมองตาย เหตุใดจึงไม่ทิ้งร่องรอยเป็นหลักฐาน ซึ่งแม้แต่แพทย์ก็ตรวจไม่พบ แสดงว่ามันมีกรรมวิธีซ้อมทรมานโดยทำให้ไม่เห็นบาดแผลเพื่อให้สาวไม่ถึงตัวคนกระทำผิด ที่ปฏิบัติกันจนเคยชินจนเป็นเรื่องธรรมดาอย่างนั้นหรือ? หรือว่าการแถลงผลการตรวจของโรงพยาบาลมีปัญหาหรือถูกกดดัน นอกจากนี้กองทัพกำลังทำตัวเหมือนเป็นคนกลางนำตัวคนลงมือมารับโทษเพื่อให้เรื่องจบซึ่งไม่เพียงพอ รัฐบาลและกองทัพค้องร่วมรับผิดชอบและลงมือแก้ปัญหาอย่างเป็นระบบ ไม่งั้นก็จะยังมีเหยื่อรายต่อไปไม่จบสิ้น ทั้งยังจะกระทบความเชื่อมั่นของประชาชนที่มีต่อกระบวนการยุติธรรมและระบบการเกณฑ์ทหารด้วย"
"ทั้งนี้ ถ้าจะทำให้การซ้อมทรมานหมดไปจากระบบ ทั้งรัฐบาลและกองทัพต้องปฎิรูปแนวทางดูแลกำลังพลโดยต้องเคารพสิทธิมนุษยชนของกำลังพล และปฏิรูปกองทัพให้เป็นยุค 4.0 ซึ่ง Small but Sure and Accountable หรือ เล็กพริกขี้หนูและตรวจสอบได้ ทั้งยังควรเปลี่ยนมารับผู้สมัครใจเป็นทหารแทน แล้วเลิกบังคับให้ทุกคนต้องเกณฑ์ทหาร ซึ่งจะสอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจและสังคม รวมทั้งสถานการณ์โลกในยุคปัจจุบันที่เปลี่ยนไป" ร้อยโทหญิง สุณิสา กล่าว
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น