นายเรืองไกร กล่าวว่า "วันนี้ความจริงปรากฎเป็นไปตามที่ผมจะมาร้องว่าโครงการรับจำนำข้าวไม่มีขาดทุนอยู่จริง และถ้าคนที่เข้าใจบัญชี โดยเฉพาะบัญชีของรัฐบาลก็จะเห็นอย่างที่ผมเห็น แล้วก็อธิบดีกรมบัญชีกลางก็ตอกย้ำว่าไม่มีการทำบัญชีเรื่องนี้ รัฐบาลปิดงบการเงินแผ่นดินคือกรมบัญชีกลางเป็นผู้รับผิดชอบ ทำเสร็จก็ล่าช้าพึ่งเสร็จปี 2558 ก็ต้องส่งให้สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ตรวจสอบรับรองความถูกต้อง แล้วให้ท่านรัฐมนตรีกระทรวงการคลังเห็นชอบ คณะรัฐมนตรีเห็นชอบ และสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) รับทราบ โดยไม่มีผลขาดทุนโครงการรับจํานําข้าว ตามที่มีอยู่ในคําพิพากษาแต่อย่างใด ทําให้เห็นได้ว่าสิ่งที่นํามากล่าวอ้างว่าโครงการรับจํานําข้าวมีผลขาดทุนมหาศาลนั้นไม่มีอยู่จริง ย่อมแสดงว่าโครงการรับจํานําข้าวของรัฐบาลสมัยนายกฯยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ไม่ได้เกิดความเสียหายหรือมีผลขาดทุนตามที่ถูกกล่าวหาใช่หรือไม่?"
ทั้งนี้ นายเรืองไกร ยังกล่าวถึง กรณีที่อธิบดีกรมบัญชีกลางออกมาชี้แจ้ง 3 ข้อ เกี่ยวกับเรื่องนี้ โดยนายเรืองไกร มีคำโต้แย้ง 3 ข้อดังนี้
คําโต้แย้งข้อ 1 แสดงว่า งบการเงินแผ่นดินต้องทําตามตามเกณฑ์คงค้างแบบผสม (Modified Accrual Basis) ซึ่งแสดงว่า ถ้าโครงการรับจํานําข้าวมีรายได้ ค่าใช้จ่าย ก็ต้องนํามาลงบัญชี และสต๊อกข้าวก็ต้อง น่ามาแสดงเป็นสินค้าคงเหลือของรัฐ
คําโต้แย้งข้อ 2 คือ ข้อมูลดังกล่าวไม่สอดคล้องกับงบการเงินของ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ซึ่งปิดบัญชีทุกวันที่ 31 มีนาคม และปัจจุบันมีงบการเงิน ธ.ก.ส. ณ 31 มีนาคม 2561 ออกมาแล้ว ก็ไม่มีการแสดงผลขาดทุนโครงการรับจํานําข้าวแต่อย่างใด ทั้งนี้ ดูได้จากหมายเหตุข้อ 8.34 ที่ระบุว่า "โดย ธ.ก.ส. มิได้รวมบัญชีและงบการเงินของโครงการไว้ในการดําเนินงานปกติ แต่ได้จัดทําเป็นบัญชีธุรกรรมนโยบายรัฐ (Public Service Account : PSA)” ซึ่งไม่มีการแสดงผลขาดทุนจากโครงการรับจํานําข้าวไว้เช่นกัน
คําโต้แย้งข้อ 3 คือ กรมบัญชีกลางยอมรับว่า รายงานการเงินแผ่นดิน ณ 30 กันยายน 2557 ดังกล่าว ไม่มีหรือไม่สามารถมีรายการผลขาดทุนจากโครงการรับจําน่าข้าวตามคําพิพากษาศาลฎีกาแผนกคดีอาญา นักการเมือง จํานวน 536.908.30 ล้านบาท ตามที่ตั้งข้อสังเกตถึงกระทรวงการคลัง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น