"ก่อนที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะไปทำหน้าที่ประธานอาเซียนควรต้องลดเงื่อนไขที่จะทำให้โดนโลกประณามเสียก่อน โดยเฉพาะประเด็นการเบี้ยวเลือกตั้งหลายครั้งหลายหน ตลอดจนพฤติกรรมการละเมิดสิทธิมนุษยชน และความเป็นเผด็จการ โดยจ้องสืบทอดอำนาจ ด้วยวิธีการที่ไม่เป็นไปตามกติกาประชาธิปไตยแบบสากล
ซึ่งวิธีเคลียร์ตัวเองที่ง่ายที่สุด คือ เลิกยื้อเลือกตั้งแล้วรีบปลดล็อคทางการเมืองทันที และต้องเปิดพื้นที่ให้สังคมมีเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น เพื่อแสดงความจริงใจในการผลักดัน Roadmap เลือกตั้ง
ทั้งนี้ ตำแหน่งผู้นำอาเซียน เปรียบเสมือนดาบสองคม ผู้นำที่เก่งจะสามารถใช้อาเซียนเป็นเวทีสร้างบทบาทบนเวทีโลก ผิดกับผู้นำที่ด้อยสติปัญญาแต่บุญหล่นทับหัวแม่โป้ง ได้นั่งเก้าอี้ผู้นำอาเซียนเพราะบังเอิญถึงคิวที่จะได้เป็นพอดี เนื่องจากกระทรวงการต่างประเทศได้ยืนต่อคิวรอไว้ให้นานแล้ว แต่การได้เป็นประธานอาเซียนทั้ง ๆ ที่ มีสติปัญญาไม่ถึงขั้น ก็อาจทำให้ประเทศเสียโอกาสที่จะแสดงศักยภาพบนเวทีโลกไปอย่างน่าเสียดาย
ทั้งนี้ เก้าอี้ประธานอาเซียนเป็นตำแหน่งหมุนเวียนที่ทุกชาติสมาชิกจะผลัดกันทำหน้าที่ คราวละ 1 ปี ซึ่งปัจจุบัน ประธานอาเซียน คือ ผู้นำสิงคโปร์ แล้วปีหน้า เป็นคิวของไทย ส่วนปีถัดไป คือ เวียดนาม
โดยที่ผ่านมา ผู้นำสิงคโปร์ได้สร้างมาตรฐานไว้ค่อนข้างสูง ในขณะที่เวียดนามก็ทำการบ้านอย่างดีเพื่อเตรียมสร้างมิติใหม่ให้อาเซียน ดังนั้น พล.อ.ประยุทธ์ ต้องรีบปิดจุดอ่อนต่าง ๆ เพื่อกลบข้อด่างพร้อย แล้วปรับทัศนคติของตัวเองให้เป็นประชาธิปไตยมากขึ้น จะได้สอดคล้องกับค่านิยมใหม่ของอาเซียนและของโลก ไม่อย่างนั้น ตลอดระยะเวลา 1 ปี ที่นั่งเก้าอี้ประธานอาเซียน พล.อ.ประยุทธ์ จะต้องหมกมุ่นกับการแก้ตัวเกี่ยวกับเรื่องการเบี้ยวเลือกตั้ง การละเมิดสิทธิมนุษยชน และแผนการสืบทอดอำนาจ จนไม่มีโอกาสได้พูดถึงวิสัยทัศน์อาเซียน และอาจกลายเป็นตัวตลกบนเวทีโลกโดยจะกลายเป็นประธานที่มีเอาไว้เพื่อตัดริบบิ้นเปิดงานเท่านั้น แต่ไม่ใช่ผู้นำที่จะเป็นความหวังของอาเซียนได้
ซึ่งทางที่ดี พล.อ.ประยุทธ์ ควรย้อนไปดูผลงานของผู้นำในอดีต โดยเฉพาะ อดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร ว่าเคยแสดงบทบาทอย่างไรในภูมิภาค จึงได้รับการยอมรับจากอาเซียนมาจนถึงทุกวันนี้"
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น