นางสาวอังคณา กล่าวว่า "ปัจจุบันปัญหาความรุนแรงในครอบครัว คู่รัก มีแนวโน้มทวีความรุนแรงมากขึ้น สะท้อนได้จากข้อมูลที่มูลนิธิฯเก็บสถิติข่าวความรุนแรงในครอบครัว ปัจจัยกระตุ้นสำคัญมาจากการดื่มสุราและยาเสพติด ซึ่งผู้ก่อเหตุมีความสัมพันธ์เป็นสามีภรรยา และมูลเหตุในการกระทำเกิดจากการบันดาลโทสะ หึงหวง และมีเรื่องปัญหาเศรษฐกิจในครอบครัวมาเกี่ยวข้อง นอกจากนี้ ผู้ที่พบเห็นเหตุความรุนแรง เลือกที่จะนิ่งเฉย ไม่เข้าไปช่วยเหลือในปัญหาความรุนแรงที่เกิดขึ้น"
นางสาวอังคณา กล่าวว่า "จากปัญหาที่เกิดขึ้น ข้อเสนอต่อรองนายกรัฐมนตรี ในฐานะกำกับดูแลงานด้านสังคม รวมถึงกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ดังนี้
1. ขอให้รัฐบาลหยิบยกปัญหาความรุนแรงในครอบครัวเป็นปัญหาสำคัญเร่งด่วนที่ต้องเร่งป้องกันแก้ไข โดยบูรณาการการทำงานเชิงรุก ร่วมกับกระทรวง พม.กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงยุติธรรม กระทรวงมหาดไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ รวมถึงประชาสัมพันธ์ให้สังคมเข้าใจว่าปัญหานี้ไม่ใช่เรื่องส่วนตัว ผู้พบเห็นเหตุการณ์ต้องเข้าให้การช่วยเหลือหรือแจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อลดปัญหาการสูญเสียชีวิต
2. ดำเนินการให้ระบบการเรียนการสอน สร้างความเข้าใจเคารพในสิทธิเนื้อตัวร่างกายผู้อื่น เคารพให้เกียรติกัน ไม่ใช้ความรุนแรงแก้ไขปัญหา ใส่ใจช่วยเหลือไม่มองว่าความรุนแรงเป็นเรื่องส่วนตัว เพื่อเป็นทักษะชีวิตตั้งแต่วัยเด็ก
3. กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ซึ่งมีกลไกอาสาสมัครพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ประจำหมู่บ้าน(อพม.)ประสานส่งต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เฝ้าระวังปัญหาสังคมทุกหมู่บ้านทั่วประเทศ และมีการพัฒนาทักษะประสานการทำงานกับสหวิชาชีพในพื้นที่อย่างมีประสิทธิภาพ เน้นปรับเปลี่ยนพฤติกรรมผู้กระทำความรุนแรงในครอบครัวให้มากขึ้น
4. ขอให้ศูนย์ช่วยเหลือสังคม สายด่วน 1300 เน้นการทำงานเชิงรุกและบูรณาการประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการแก้ไขปัญหาเร่งด่วนในสังคมให้มากขึ้น นอกจากการให้คำปรึกษาแนะนำและประสานส่งต่อปัญหาสังคมทั่วไป และควรมีการประชาสัมพันธ์การทำงานให้ประชาชนรับรู้ให้มากขึ้น
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น