วันพุธที่ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2561

"ชวลิต" จี้รัฐเลิกแช่แข็งประเทศ-แก้ปัญหาเศรษฐกิจ อัด สนช. แก้ พ.ร.ป.กกต. เหมือนเด็กเล่นขายของ


#TV24 นายชวลิต วิชยสุทธิ์ อดีตรองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย ให้ความเห็นกรณีสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) เข้าชื่อแก้ไข ร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง (พ.ร.ป.กกต.) ประเด็นที่มาของผู้ตรวจการเลือกตั้ง ว่า "เหมือนเด็กเล่นขายของ"

นายชวลิตกล่าวว่า "พ.ร.ป.กกต. เป็นกฎหมายลูกที่ สนช. พึ่งให้ความเห็นชอบออกมาเอง ถามว่าการที่ กกต. ชุดปัจจุบันได้สรรหาผู้ตรวจการเลือกตั้ง ได้ดำเนินการตาม พ.ร.ป.กกต. หรือไม่? ตอบได้ว่า กกต. ได้ดำเนินการตามกฎหมายที่ สนช. ออกมาเอง จึงไม่มีเหตุผลใดที่จะไปลบล้างการดำเนินการตามกฎหมาย ถึงขนาดต้องแก้กฎหมายที่เพิ่งมีผลบังคับใช้"

."โดยส่วนตนเห็นว่า สนช. เป็นหนึ่งในแม่น้ำ 5 สาย คงมิได้ดำเนินการโดยพลการ คงได้รับไฟเขียวให้มาดำเนินการ อย่าลืมว่าประชาชนทั้งประเทศมองอยู่ว่าทำอะไรกัน ถึงขนาดพูดกันว่าเหมือนเด็กเล่นขายของ ถ้าจะให้ยกอีกตัวอย่างก็คือ พ.ร.ป.พรรคการเมือง ที่ประกาศในราชกิจจานุเบกษา มีผลบังคับใช้แล้ว แต่กลับมี คำสั่ง คสช.ที่ 53/2560 ออกมาทับ พ.ร.ป.พรรคการเมือง จนส่งผลให้พรรคการเมือง และประชาชนที่เป็นสมาชิกพรรค ไม่สามารถปฏิบัติตาม พรป.พรรคการเมืองได้ ทำให้ได้รับความเดือดร้อน ได้รับความเสียหายทางการเมืองมาจนถึงปัจจุบัน และเวลาได้ล่วงเลยมาจนบัดนี้ รัฐบาลก็ยังแก้ปัญหาดังกล่าวไม่ได้ คาราคาซังจนเกิดความเสียหายแก่บ้านเมือง โดยเฉพาะความเชื่อมั่นทางด้านการเมือง การปกครอง ได้รับความเสียหายอย่างมาก" นายชวลิตกล่าว

นายชวลิตกล่าวต่อว่า "ทั้งหมดทั้งมวล แม่น้ำ 5 สาย ทำกันเองทั้งนั้น ที่ทำให้บ้านนี้ เมืองนี้ไม่ได้รับความเชื่อมั่นทางด้านการเมืองการปกครอง มีใครที่ไหนอื่นไปทำบ้าง นอกจากพวกท่านทำกันเองทั้งนั้น ขณะนี้ประชาชนทุกภาคทั่วประเทศกำลังประสบปัญหาความเดือดร้อนอย่างแสนสาหัสจากปัญหาเศรษฐกิจ ปากท้อง ซึ่งรัฐบาลแก้ไม่ได้มาเป็นเวลากว่า 4 ปีแล้ว และปัญหาจะจมลึกลงไปเรื่อยๆ อย่าบอกว่า GDP โตขึ้นเท่านั้นเท่านี้ ส่งออกขยายตัวเท่านั้นเท่านี้ โฆษณาให้ปากกว้างไปถึงหูก็ไม่มีใครเชื่อ เพราะข้อมูลเชิงประจักษ์ก็คือ เงินในกระเป๋าของประชาชนส่วนใหญ่ถดถอย และสิ่งที่เพิ่มขึ้นคือหนี้สินครัวเรือนเพิ่มขึ้นๆ สำรวจดูได้จากทั้งแบ็งค์รัฐและเอกชน หนทางที่ดีที่สุดของรัฐบาลและแม่น้ำสายต่างๆ ขณะนี้ก็คือต้องระดมสมองแก้ปัญหาเศรษฐกิจ ปากท้อง เป็นหลัก"

นายชวลิตยังกล่าวอีกว่า "ท่านควรเป็นผู้หลัก ผู้ใหญ่ของบ้านเมือง เป็นคนกลางที่เข้ามารักษาการในช่วงเปลี่ยนผ่านไปสู่รัฐบาลทึ่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน ที่สำคัญ ณ สถานการณ์ปัจจุบัน รัฐบาลควรส่งสัญญาณบวกต่อภาคธุรกิจเอกชนและชาวโลกเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ด้วยการเปิดให้ทำกิจกรรมทางการเมืองได้ตามกฎหมายพรรคการเมืองที่พวกท่านออกกันมา อย่างน้อยก็ค่อยๆช่วยฟื้นฟูความเชื่อมั่นกลับคืนมา ท่านแช่แข็งประเทศทางด้านการเมืองมาย่างเข้าปีที่ 5 แล้ว จะเป็นการทำบาปแก่ประเทศและประชาชนอย่างยิ่ง หากเศรษฐกิจฐานรากและคนชั้นกลางต้องเสียหายไปกับการเมืองการปกครองที่ไม่ปกตินานเกินเหตุ ผมคิดว่าทุกท่านที่บริหารประเทศอยู่ในปัจจุบันนี้ต้องการให้อนุชนรุ่นหลังบันทึกแต่คุณงามความดีที่ทำไว้กับบ้านเมือง ดังนั้น ถึงเวลานานแล้วที่จะทำให้บ้านเมืองเข้าสู่ภาวะปกติเสียที"

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น