#TV24 ร.ต.อ.วัฒนรักษ์ สุรนาทยุทธ์ คณะทำงานด้านสิ่งแวดล้อม พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงประเด็นโครงการจัดตั้งศูนย์กำจัดขยะมูลฝอยแบบครบวงจรเพื่อแปรรูปผลิตพลังงานหรือโรงงานไฟฟ้าพลังงานขยะขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ภายใต้การกำกับดูแลของกระทรวงมหาดไทย (มท.) จำนวนทั้งสิ้น 7,852 แห่ง โดยมีงบประมาณกว่า 178,000 ล้านบาท ซึ่งโครงการดังกล่าวนี้ใช้งบประมาณไปเป็นจำนวนมาก ดังนั้นโครงการนี้ควรจะเป็นที่พึ่งของประชาชนในการแก้ไขปัญหาขยะและลดมลพิษ แต่กลับแปรผันกลายเป็นว่า ปัจจุบันชาวบ้านได้รับผลกระทบเป็นวงกว้าง จากบ่อขยะที่ส่งกลิ่นเหม็น น้ำที่เน่าเสีย ทำให้เกิดมลภาวะและมลพิษ ส่งผลให้เกิดความเสียหายต่อพืชผลทางเกษตร และบั่นทอนสุขภาพของชาวบ้าน เหตุดังกล่าวก่อให้เกิดการร้องเรียนต่อหน่วยงานในหลายจังหวัด แต่ภาครัฐยังไม่มีผลตอบรับเป็นที่น่าพอใจ จึงได้ตั้งข้อสังเกตว่าเหตุใด นายกรัฐมนตรีจึงใช้อำนาจพิเศษตามมาตรา 44 งดเว้นการทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (Environmental Impact Assessment, EIA) เพราะเรื่องโรงงานขยะเป็นเรื่องเกี่ยวข้องกับชุมชน เพราะฉะนั้นประชาชนควรจะมีส่วนร่วมในการทำประชาพิจารณ์ และควรจะดำเนินการจัดทำ EIA ให้ถูกต้องตามหลักมาตาฐานสากล
กรณีสื่อบางฉบับและสังคมออนไลน์ มีการตั้งประเด็นข้อสงสัยกรณี ลูกชาย พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย (มท.1) ว่า จะมีส่วนเกี่ยวข้องกับโครงการก่อสร้างโรงงานขยะของกระทรวงมหาดไทย หรือไม่นั้น และเหตุใดลูกชาย มท.1 ถึงได้มีการนัดหมายกับ นายนรภัทร ปลอดทอง ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ซึ่งประเด็นดังกล่าวนี้ ทาง ร.ต.อ.วัฒนรักษ์ กล่าวว่า "เป็นเพียงข้อสงสัยของประชาชนเท่านั้น ยังมิได้เป็นการกล่าวหา มท.1 ว่ามีส่วนเกี่ยวข้องหรือไม่แต่อย่างใด ซึ่งประเด็นนี้ ทางพรรคเพื่อไทยขอให้สื่อต่างๆ ช่วยติดตามเรื่องนี้กันต่อไป และอยากวอนขอให้ภาคประชาชนช่วยกันคนละไม้คนละมือช่วยกันตรวจสอบโรงงานขยะของกระทรวงมหาดไทย ในส่วนที่ได้ดำเนินการก่อสร้างแล้วเสร็จ และที่กำลังดำเนินการก่อสร้างอยู่ว่าทำถูกต้องตามระเบียบหรือไม่? และควรจะมีหน่วยงานมาช่วยในการตรวจสอบว่าส่งผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่อย่างไร? และหากพบข้อสงสัยควรแจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยตรวจสอบ"
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น