นายชวลิต กล่าวว่า "เมื่อตรวจสอบข้อมูลการนำเข้าสารพิษ 3 ชนิดดังกล่าวจากกรมศุลกากร พบว่ามีการนำเข้าเฉลี่ยปีละ 15,000 - 17,000 ล้านบาท นับเป็นธุรกิจข้ามชาติที่มีผลประโยชน์เป็นมูลค่ามหาศาล แต่เมื่อมองอีกมุมหนึ่ง ประเทศไทยเป็นประเทศที่สะสมสารพิษไว้ในดิน น้ำ อากาศ พืช ผัก ผลไม้ สัตว์บก สัตว์น้ำ ในจำนวนมหาศาล และสะสมมายังประชาชนผู้บริโภคอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้เช่นกัน จึงขอชื่นชมและให้กำลังใจภาคเอกชน และภาคประชาสังคมดังกล่าวที่ต่อสู้ในเรื่องนี้มาอย่างต่อเนื่อง"
"สำหรับตัวผม ในช่วงที่ตนเป็น ส.ส. และเป็น กมธ.งบประมาณ ได้เคยนำข้อมูลทางวิชาการของนายวิทูรย์ เลี่ยนจำรูญ ผู้อำนวยการมูลนิธิชีววิถี ซึ่งเผยแพร่ต่อสาธารณะในการรณรงค์ป้องกันการใช้สารเคมีร้ายแรงในการกำจัดศัตรูพืช ไปใช้ประโยชน์ในการพิจารณาในคณะอนุ กมธ.ท้องถิ่นและจังหวัด โดยตนได้ขอให้มหาวิทยาลัยที่มีคณะแพทยศาสตร์ และคณะวิทยาศาสตร์ สาขาสิ่งแวดล้อม ทำการเจาะเลือดเกษตรกร ตรวจดิน ตรวจแหล่งน้ำธรรมชาติ เพื่อหาสารพิษตกค้างไว้สำหรับเสนอแนะหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง" นายชวลิต กล่าว
นายชวลิต กล่าวว่า "สาเหตุที่ผมให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มากเป็นพิเศษ เพราะสนใจข้อมูลสถิติการตายของคนไทยว่า เหตุใดประเทศไทยจึงมีสาเหตุการตายด้วยโรคมะเร็งมาเป็นอันดับหนึ่งมากว่าสิบปีติดต่อกัน โดยมีสถิติการตายเฉลี่ยปีละประมาณ 60,000 คน หรือชั่วโมงละ 7 คน ที่ตายด้วยโรคมะเร็ง ซึ่งน่าตกใจมาก จริงอยู่โรคมะเร็งอาจจะมีสาเหตุจากการสูบบุหรี่ และดื่มเหล้า หรืออื่นๆ แต่นั่นเป็นการบริโภคเฉพาะบุคคล ซึ่งเป็นการกระทำของตนเอง แต่ภัยจากสารเคมีกำจัดศัตรูพืช ผู้บริโภคไม่รู้อิโหน่อิเหน่ ซึ่งไม่แน่ว่าตัวเราเอง หรือบุคคลในครอบครัว จะเจอแจ็คพอตวันไหน จากการรับประทานพืช ผัก ผลไม้ หรือเนื้อสัตว์ ที่มีสารเคมีปนเปื้อนสะสมในร่างกายเป็นวัน เป็นเดือน เป็นปี แล้วก็กลายเป็นโรคร้ายในร่างกาย จึงควรหามาตรการป้องกันอย่างเป็นระบบ ทั้งการนำเข้าสารพิษ การแนะนำวิธีใช้เกษตรกร รวมทั้งการรณรงค์ส่งเสริมให้เกษตรกรทำเกษตรอินทรีย์อย่างกว้างขวาง ผมจำได้ว่าในการประชุมคณะอนุ กมธ.งบประมาณท้องถิ่นและจังหวัดที่ผมเป็นประธาน ผมได้นำแตงโมปลอดสารพิษ จาก อ.ศรีสงคราม จ.นครพนม มาให้ กมธ.งบประมาณ และสื่อมวลชนได้รับประทาน เพื่อเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ว่า คุณภาพดี ปลอดสารพิษ ขายส่งตามห้างใน กทม. ตลาดรับซื้อไม่อั้น เพราะประชาชนเริ่มให้ความสำคัญกับอาหารปลอดภัยมากขึ้น"
นายชวลิต กล่าวต่อว่า "พรรคเพื่อไทยมีนโยบายสำคัญทางด้านเศรษฐกิจ และสังคม จนถือเป็นแบรนด์ที่ติดอยู่ในหัวใจประชาชน เพราะ พรรคเพื่อไทยถือประชาชนเป็นศูนย์กลาง และมีส่วนร่วมในการจัดทำนโยบาย เพื่อเป็นการต่อยอดนโยบายสำคัญๆของพรรคเพื่อไทย ในการเลือกตั้งทั่วไปที่จะถึงตนตั้งใจจะเสนอคณะกรรมการพิจารณานโยบายของพรรคเพื่อไทยลดสถิติการตายของคนไทยที่สูงมากใน 2 เรื่อง คือ นโยบายการแก้ไขปัญหาโรคมะเร็ง และนโยบายการแก้ไขปัญหาอุบัติเหตุบนทัองถนน ที่มีสถิติคนตายด้วยอุบัติเหตุติดอันดับโลก คือ ตายเฉลี่ย ปีละ 20,000 คนเศษ"
"ในส่วนของความปลอดภัยด้านอาหาร โดยเฉพาะการปนเปื้อนสารเคมีร้ายแรง ผมจะเสนอขอแก้ไขตั้งแต่ในระดับโครงสร้างของคณะกรรมการวัตถุอันตรายว่าจะต้องใช้บุคคลากรของกระทรวงสาธารณสุขเป็นหลักในระดับนโยบาย การที่ 51 ประเทศทั่วโลก ห้ามใช้ พาราควอต คลอร์ไพริฟอส และไกรโฟเซต แต่ประเทศไทยไม่ห้าม ต้องเป็นข้อสังเกตของฝ่ายบริหารที่จะต้องตรวจสอบเรื่องนี้อย่างเข้มงวดจริงจัง เพราะชีวิตของประชาชนมีความสำคัญกว่าประโยชน์ใด ทั้งสองนโยบายดังกล่าว ผมจะเสนอต่อคณะกรรมการจัดทำนโยบายของพรรคเพื่อไทยอย่างแน่นอน ในชั้นนี้ผมขอให้กำลังใจเครือข่ายภาคเอกชนที่จะยื่นเรื่องต่อศาลปกครองกลางเพื่อมีคำสั่งระงับหรือเพิกถอนมติคณะกรรมการพิจารณาวัตถุอันตราย รวมทั้งจะร่วมเป็นแรงผลักดันให้ยกเลิกการนำเข้าสารเคมีทั้ง 3 ชนิดดังกล่าว เพื่อรักษาคุณภาพชีวิต สุขภาพร่างกายของประชาชนให้ได้มาตรฐานต่อไปนะ" นายชวลิต กล่าว
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น