นายพิชัย กล่าวว่า "ซึ่งหากเป็นนักเศรษฐศาสตร์จะเข้าใจดีถึงการตั้งสมมติฐาน เพื่อนำมาวิเคราะห์ เพราะในปี 2555 เศรษฐกิจไทยโตได้ถึง 6.6% และต่อมาในปี 2556 ถ้าไม่มีการประท้วงในไตรมาสสุดท้าย สิ้นปีเศรษฐกิจก็น่าโตได้ประมาณ 4% ดังนั้น ในปี 2557 และปี 2558 เรื่อยมาก็น่าจะโตได้ในระดับเดียวกันที่ประมาณ 4-5% เพราะเศรษฐกิจของประเทศเพื่อนบ้านของไทยก็เติบโตได้ดีและขยายตัวสูงมากกันหมดและยังสูงกว่า 6-7% ตลอดหลายปีที่ผ่านมา อีกทั้งด้วยศักยภาพของประเทศไทย เศรษฐกิจควรต้องโตได้ปีละ 4-5% เป็นอย่างต่ำอยู่แล้ว ซึ่งทั้งเวิร์ลแบงค์และไอเอ็มเอฟ ก็ยืนยันศักยภาพของไทยในตัวเลขนี้"
"ดังนั้นจึงเป็นการวิเคราะห์ตามหลักการและตามสมมติฐานไม่ได้มีการบิดเบือน และเศรษฐกิจไทยน่าจะดีมาเรื่อยๆ ตามเศรษฐกิจโลกได้ โดยเฉพาะในปีนี้ ที่ขนาดประเทศสหรัฐอเมริกา ที่เป็นประเทศที่เจริญแล้วและมีขนาดเศรษฐกิจอันดับหนึ่งของโลกในไตรมาส 2 ยังโตได้ถึง 4.1% เลย ดังนั้นการที่ไทยโตได้ 4% กว่าจึงไม่ได้ถือว่าดีมากนัก และต้องใช้เวลากว่า 4 ปี ถึงจะโตได้เกิน 4% ซึ่งเป็นการเสียโอกาสของประเทศ พลเอกประยุทธ์ น่าจะลองถาม นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ ฝ่ายเศรษฐกิจ และนายกอบศักดิ์ ภููตระกูล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ดูว่าสมมติฐานและการวิเคราะห์ของตนถูกต้องหรือไม่? เพื่อจะได้ทราบและเข้าใจถึงหลักการการวิเคราะห์แบบสากล โดยเฉพาะหากพลเอกประยุทธ์ อาจจะอยากกลับมาเป็นนายกฯอีกในระบอบประชาธิปไตย" นายพิชัยกล่าว
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น