นายพายัพ กล่าวอีกว่า "นอกจากนั้นโครงการไทยนิยมยั่งยืนหรือโครงการประชารัฐที่ใช้งบประมาณมากถึง 150,000 ล้านบาทและจะสิ้นสุดในวันที่ 30 กันยายน 2561 นี้ ก็เป็นการใช้เงินที่ขาดประสิทธิภาพไม่ได้มุ่งผลสัมฤทธิ์ในการแก้ปํญหาปากท้องประชาชนเอาแต่ปรนเปรอนายทุนใหญ่ในประเทศชัดๆ ไม่ว่าจะเป็นการใช้เงินเพื่อทดแทนหรือจ้างลดพื้นที่การเกษตรที่ราคาตกต่ำรัฐไม่มีปัญญาส่งออก ช่วยปัจจัยการผลิต เงินชดเชย เป็นการแก้ปัญหาไม่ตรงจุดเอาเสียจริงๆ แม้กระทั่งการเพิ่มร้านธงฟ้าให้ชาวบ้านยากจน 11.4 ล้านคนอีก 100,000 ร้านค้าจากจำนวนหมู่บ้านทั้งหมดในประเทศไทย 80,000 หมู่บ้าน ซึ่งดูเหมือนว่าครอบคลุมทั่วถึงแล้ว และยังเพิ่มเงินคนจนอีกคนละ 100 บาทจากที่เคยได้ 200 ก็เป็น 300 จาก 300 ก็เป็น 400 และยังให้รูดเงินสดได้คนละ 100 บาทต่อเดือนแทนที่จะให้รูดได้หมดจะได้ไปชื้อข้าวของกินในตลาด ร้านค้าทั่วไปแม้กระทั่งตลาดนัดตามหมู่บ้านตำบลจะได้เป็นการกระจายรายได้ออกไปสู่ประชาชนคนยากคนจนเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจรากหญ้ากลับไปเพิ่มร้านค้า ก็รู้ๆกันอยู่แล้วว่าเงินจะไหลเข้ากระเป๋านายทุนใหญ่ของประเทศนี้ ก็ยังปรนเปรอกันเข้าไป"
นายพายัพ กล่าวต่อว่า "ฉะนั้นการที่ท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยออกมาบอกว่าสิ้นเดือนกันยายนนี้ใช้เงิน 150,000 ล้านของโครงการประชารัฐหรือไทยนิยมยั่งยืนหมด คนไทยหายจนแน่ๆ จึงเป็นเรื่องไม่จริงและเกินความเป็นจริงมากไป อยากให้ท่านลงไปเดินตลาดสัมผัสชาวบ้านแบบคนธรรมดาไม่มีหัวโขนแล้วท่านจะรู้ว่าชาวบ้านเขายากจนกันอย่างไรและเพิ่มขึ้นมากเท่าได อัตราการขยายตัวระหว่างช่องว่างคนรวยคนจนมันเพิ่มขึ้นมากขนาดใหน ทุกวันนี้รวยกระจุกแต่จนกระจาย ชาวบ้านจะอดตายกันหมดแล้ว"
"ขอให้รัฐบาล คสช. หันมาแก้ปัญหาความยากจนให้มาก ลดงบประมาณการซื้ออาวุธหรือเลิกซื้อได้ยิ่งดี แล้วขอให้เห็นแก่ประชาชนคนยากคนจนให้มาก ใช้จ่ายงบประมาณปี 2561 ที่เหลืออยู่แก้ไขปัญหาความยากจนของคนไทย แต่เอาแต่ช่วยนายทุนขุนศึก และฝากให้ทบทวนการใช้งบประมาณปี 2562 เสียใหม่โดยให้หันมาฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศและช่วยแก้ป้ญหาความยากจนให้มาก" นายพายัพ กล่าว
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น