นายชวลิต กล่าวว่า "พรรคเพื่อไทยเป็นพรรคการเมืองหนึ่งที่มีเอกอัครราชทูตและเจ้าหน้าที่ประจำสถานทูตมาเยี่ยมเยียนทั้งที่พรรค และไปพบกับอดีต ส.ส.ตามจังหวัดต่างๆ ตลอด 4 ปีที่ผ่านมา ทูตทุกประเทศล้วนให้กำลังใจประเทศไทยและประชาชนคนไทยที่ตกอยู่ในสภาพการเมืองการปกครองที่ไม่ปกติมาเป็นเวลานาน ต่างอวยพรขอให้ประเทศไทยเข้าสู่ภาวะปกติ มีประชาธิปไตย มีการเลือกตั้งที่เสรีและเป็นธรรม บางประเทศถึงกับกล่าวว่า ดีใจด้วยกับ พรรคเพื่อไทยกับผลโพลที่สำนักต่างๆ เผยแพร่ว่าได้รับความนิยมอยู่อันดับ 1 มาตลอด พออธิบายให้ฟังว่า ยังมีอุปสรรคสำคัญที่ต้องแก้ไขอยู่ กล่าวคือ ประชาธิปไตยบ้านยู กับประชาธิปไตยบ้านไอขณะนี้ยังต่างกันอยู่มาก ประชาธิปไตยบ้านไอ แม้ พรรคเพื่อไทยจะได้เสียง ส.ส.เป็นอันดับ 1 แต่อีกภาคส่วนหนึ่ง คือ รัฐบาลรักษาการ ซึ่งมีหัวหน้า คสช.ทำหน้าที่เป็นหัวหน้ารัฐบาลด้วย ภาคส่วนนี้มี ส.ว.อีก 250 คน ซึ่งมาจากการสรรหา สามารถลงคะแนนเลือก นายกรัฐมนตรีได้ ที่สำคัญกว่านั้น หัวหน้า คสช.ซึ่งเป็นหัวหน้ารัฐบาลรักษาการระหว่างเลือกตั้ง มีอำนาจพิเศษตาม ม.44 คุมการจัดตั้งรัฐบาลจนแล้วเสร็จ พอฟังจบ เขาถอนหายใจเฮือกใหญ่ ตึสีหน้างงๆ รำพึงว่า แล้วบ้านยูจะเดินยังไงต่อไป"
"ประเทศไทยต้องมีทางออกหลุดจากกับดักแห่งความขัดแย้ง ตนเคยเสนอความเห็นไว้ และยังยืนยันความคิดเดิมว่า รัฐบาลรักษาการเพื่อจัดการเลือกตั้งร่วมกับ กกต. ต้องเป็นกลาง มีความเป็นธรรม เพื่อให้การเลือกตั้งเป็นไปอย่างเสรีและเป็นธรรม ถึงจะได้รับความเชื่อมั่นจากประชาชนและชาวโลก ซึ่งมีหนทางเดียว คือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ต้องลาออก ทั้งตำแหน่งหัวหน้า คสช. และนายกรัฐมนตรี ซึ่งตนหวังที่จะเห็นสปิริตจากชายชาติทหารที่กล่าวอ้างเสมอว่า รักชาติและประชาชน" นายชวลิต กล่าว
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น