วันอังคารที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2561

สถาบันศึกษาการพัฒนาประชาธิปไตย-คอนราดฯ เสวนา: ความร่วมมือ EU-ASEAN


สถาบันศึกษาการพัฒนาประชาธิปไตย (iDS) โดย นายจาตุรนต์ ฉายแสง ร่วมกับ มูลนิธิคอนราด อาเดนาวร์ มูลนิธิจากสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี ให้การสนับสนุนและความร่วมมือระหว่างประเทศทางด้านต่างๆ จัดประชุมวิชาการ “ASEAN and EU: Today and in the Future Possible Chances and Risks” โดยมีนักวิชาการ อาทิ Dr. Rupert Scholz วิทยากรผู้เชี่ยวชาญจากเยอรมนี , ร.ต.อ. ดร.วิเชียร ตันศิริคงคล อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์และนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา , นายศิโรตม์ คล้ามไพบูลย์ , ดร.ประเสริฐ พัฒนผลไพบูลย์ ฯลฯ และผู้แทนภาคเอกชนที่สนใจ เข้าร่วมงานเพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและประสบการณ์ระหว่างประเทศไทยกับประเทศเยอรมนี เกี่ยวกับนโยบายด้านต่างประเทศและรัฐธรรมนูญ ความตกลงด้านการค้า(FTA) รวมถึงการพัฒนาความร่วมมือระหว่าง EU กับ ASEAN ในอนาคต ณ โรงแรมสุโกศล กรุงเทพฯ
























วันจันทร์ที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2561

"ชวลิต" เผย "คุณหญิงสุดารัตน์" นำทีมยุทธศาสตร์พรรค ชูสโลแกน "เราพร้อม" สู้ศึกเลือกตั้ง


#TV24 นายชวลิต วิชยสุทธิ์ อดีตรองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ว่า เมื่อวันที่ 28 ตุลาคม 2561 ที่ผ่านมา พรรคเพื่อไทยได้จัดให้มีการประชุมใหญ่ มีวาระสำคัญเพื่อเลือกคณะกรรมการบริหารพรรค และคณะกรรมการสรรหาผู้สมัครรับเลือกตั้ง โดยมีรายชื่อคณะกรรมการบริหารพรรค และคณะกรรมการสรรหาผู้สมัครรับเลือกตั้งของพรรคเผยแพร่ต่อสื่อมวลชนไปแล้วนั้น
       
ประการสำคัญในวันประชุมใหญ่ มีการเปิดตัวคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธ์ เป็นประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์เตรียมการเลือกตั้งของพรรคเพื่อไทย เพื่อร่วมกับคณะกรรมการบริหาร แกนนำพรรค และผู้มีประสบการณ์หลากหลายสาขาทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม การเมือง การศึกษา การเกษตร ฯลฯ เพื่อนำนโยบายที่ดีพร้อมปฏิบัติไปแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน ซึ่งกว่า 4 ปีที่ผ่านมาประสบกับความทุกข์เข็ญในปัญหาเศรษฐกิจ ปากท้องอย่างยิ่งให้หมดสิ้นไป
       
การต่อสู้ทางการเมืองครั้งนี้ มีความแหลมคมอย่างยิ่ง เพราะมีอยู่สองแนวทางเท่านั้นที่ประชาชนจะตัดสินใจเลือกอนาคตของตนเอง นั่นคือแนวทางประชาธิปไตย หรือแนวทางการสืบทอดอำนาจของรัฐบาลที่กำลังบริหารประเทศอยู่ในเวลานี้ ซึ่งถึงกับส่ง 4 รัฐมนตรี มากุมบังเหียนพรรคการเมืองพรรคหนึ่งที่จัดตั้งขึ้นใหม่เพื่อรองรับการสืบทอดอำนาจดังกล่าว
       
ถ้าประชาชนเห็นว่า กว่า 4 ปีที่ผ่านมา ประชาชนมีความสุขดี กินอิ่ม นอนอุ่น เงินเพิ่มพูนเต็มกระเป๋า หนี้สินไม่มี ก็เลือกพรรคที่ตั้งขึ้นใหม่โดยมีวาระพิเศษเพื่อสืบทอดอำนาจ แต่ถ้าเห็นว่า กว่า 4 ปีที่ผ่านมา เงินในกระเป๋าหดหาย แต่ที่เพิ่มขึ้น คือ หนี้สิน ก็เลือกพรรคการเมืองฝ่ายประชาธิปไตย ซึ่งในโลกข่าวสารปัจจุบันประชาชนตรวจสอบได้ นับว่าการเลือกตั้งครั้งนี้มีเพียงสองแนวทางดังกล่าวให้ประชาชนตัดสินใจอนาคตของตนเอง
         
สำหรับพรรคเพื่อไทยมีความพร้อมทั้งบุคลากร และนโยบาย "เราพร้อม" ด้วยบุคลากรที่มีคุณภาพด้วยความรู้ ความสามารถ ทั้งจากผู้มีประสบการณ์ผสานกับคนรุ่นใหม่ไฟแรงที่ขออาสาเข้ามาแก้ไขปัญหาของชาติและประชาชน "เราพร้อม" ด้วยนโยบายที่ดี ที่พร้อมปฏิบัติ เป็นนโยบายที่จับต้องได้ ปฏิบัติได้จริง จนเป็นที่ยอมรับจากประชาชนมากว่า 10 ปี และมีนโยบายใหม่ๆ ให้ทันกับโลกยุคใหม่ สร้างโอกาสให้ประชาชนที่จะเลือกชีวิตที่ดีขึ้น มี "รายได้ที่มีศักดิ์ศรี"
       
จากนี้ไปคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธ์ ประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์เตรียมการเลือกตั้ง จะนำทีมเพื่อไทยขับเคลื่อนยุทธศาสตร์พรรคด้วยการนำนโยบายของพรรคที่ดี ที่จับต้องได้ ปฏิบัติได้จริง นำเสนอต่อประชาชนอย่างทั่วถึง ทุกภาค ทั่วประเทศต่อไป

วันเสาร์ที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2561

"พานทองแท้" แนะเปลี่ยนทีม PR/Social Media คสช.


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชาย ดร.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความผ่านเครือข่ายสังคมออนไลน์ โดยมีเนื้อหาดังนี้

รัฐบาลไทย อย่าไปโทษน้องๆเลย โทษตัวเองเถอะครับ

เพลงประเทศกูมี ที่ทางการฯ ออกมาโวยวาย จะเอาผิดน้องๆศิลปินกันอยู่เนี่ย ใครกันแน่ที่ช่วยโปรโมทเพลงให้น้อง

ผมจะสอน Basic การทำ Social Marketing แบบง่ายๆฟรีๆให้ โดยไม่ต้องใช้เงินภาษีฯมาทำ จะได้ดูเป็น ทำเป็น ว่าประเด็นไหนควรจะเงียบ ประเด็นไหนควรจะประโคมข่าว ทีม PR. ลุงตู่ลองดูตามนะครับ ขั้นแรกกดเข้าไปถามอากู๋ ที่นี่เลย

‭https://trends.google.co.th/trends/trendingsearches/daily…

ลองกดไล่ดูจะเห็นว่า
วันพุธที่ 24 เพลงประเทศกูมี มีคนค้นหาขึ้นเป็นอันดับ 1 ก็จริง แต่มีแค่หลักหมื่นกลางๆเท่านั้น

พอวันพฤหัสที่ 25 คำค้นหาอันดับ 1 กลายเป็น “ครางชื่ออ้ายแน่” เพลงที่ร้อง โอ๊ยๆอูยๆไรนั่น ส่วนประเทศกูมี เงียบหายไปไม่ติด 1 ใน 10 ของคำค้นหาในกูเกิ้ลไทยแลนด์

ทีม PR. ลุงจำไว้ให้ดี จุดนี้ถ้ารัฐบาลยอมจบ เพลงก็จะดังประมาณนึงแล้วก็ค่อยๆ แผ่วไป เพราะเพลงแร๊พคนที่ไม่ชอบฟัง จะจับเนื้อไม่ทัน ฟังผ่านหูครั้งนึงแล้วก็จบไป

แต่ปรากฏว่าพอวันศุกร์ที่ 26 ทั้งตำรวจทั้งโฆษกรัฐบาลต่างออกมาชี้เป้า กระหน่ำว่าเพลงมันไม่ดีอย่างงู้นอย่างงี้..!! เสียใจน้องๆเยาวชนออกมาทำร้ายประเทศ..!! ใครแชร์จะต้องติดคุกติดตะราง..!! เท่านั้นแหละครับ คำค้นหาในอากู๋ ทะลุ 2 แสน ทำลายสถิติเพลงดังเลยทันที..!!

อย่าไปโทษน้องๆเลยครับ ตัวโฆษกรัฐบาลเอง รวมทั้งพี่ตำรวจ และลุงตู่ที่อารมณ์เสียเดินหนีนักข่าวนี่แหละ ที่ทำตัวเอง และช่วยโปรโมทเพลงของน้องๆให้ดังขึ้นๆๆๆ

ศิลปินอยู่ได้ด้วยเสียงปรบมือครับ น้องๆอาจไม่น่ารักน่าหยิก และไม่มีโอกาสเข้าทำเนียบไปอวย ไปจับมือนายกฯ แบบศิลปินค่ายดังๆเขาทำกัน แต่ทุกคนก็คือศิลปินเยาวชนที่รักประเทศชาติเหมือนๆกัน คนเป็นผู้ใหญ่ควรต้องยอมรับความเห็นต่าง เพื่อเป็นตัวอย่างให้เยาวชน ไม่ใช่หรือครับ?

ผมแนะนำได้แค่นี้ ถ้ายังทำไม่เป็นอีก จ้างพี่หนูหริ่งที่ขออาสาไปเป็นแอดมินแทน น่าจะดีกว่านี้เยอะครับ..!!


“ทนายวิญญัติ” ชี้มีสิทธิ์แต่ง “ประเทศกูมี”


นายวิญญัติ ชาติมนตรี เลขาธิการสมาพันธ์นักกฎหมายเพื่อสิทธิและเสรีภาพ (สกสส.) โพสต์ข้อความผ่านเครือข่ายสังคมออนไลน์ โดยมีเนื้อหาดังนี้ 

#บทเพลงคืองานศิลปะและวรรณกรรมที่คนทั้งโลกยอมรับ

ผมฟังเพลงแทบทุกแนว แต่ชอบเป็นชีวิตจิตใจคือ แนวฮิปฮอปหรือ แร็พ ที่มีศิลปินแร็พเปอร์ชื่อดังมากมาย ทั้งจากประเทศต้นกำเนิดและประเทศที่รับอารยธรรมแนวเพลงนี้ รวมถึงประเทศไทยด้วย

#บางคนไม่เชื่อว่าหน้าตาแบบนี้จะฟังแร็พหรือฮิปฮอป  ผมจึงบอกว่า  ผมฟังทุกวัน ฟังตั้งแต่อายุ 14 ปี  มันเป็นสิ่งสร้างสรรค์ไม่ใช่สิ่งทำลาย หรือกระทบความมั่นคงประเทศ ดังที่ผู้แถลงข่าวแทนรัฐบาลว่าไว้   

อย่าเชื่อในสิ่งที่เห็น อย่าเห็นในสิ่งที่เชื่อ ต้องหาความจริง  หายังไม่พบก็ต้องระมัดระวังอย่าหลงและเชื่ออย่างไร้สภาวะ  ความสุขส่วนตัวเป็นสัญชาตญาณสิ่งมีชีวิตที่ใครก็ไม่มีสิทธิก้าวล่วง ถ้าเขาไม่ได้เกินขอบเขตหรือกรระทบสิทธิใคร

ศิลปิน hiphop ที่ชอบเยอะมาก เช่น snoppdog, eminem, tyga, wiz khalif, chris brown ,kanye west,nicky minaj,Chance the rapper,will i am,ill wayne,neyo,Akon,Flo Rida ,Post Malone etc. คนไทยก็มีหลายคน คงไม่ต้องเอ่ยทั้งใต้ดิน บนดิน บนตึกเยอะครับ คอเดียวกันคงทราบ

ใครก็แต่งเพลงได้ พรรณนาได้ นายกรัฐมนตรียังแต่งตั้งหลายเพลง เปิดให้ประชาชนฟังทุกช่องทาง  ศิลปินและคนอื่นก็แต่งได้และเสนอได้ ใครชอบเพลงของใคร ก็เป็นความรู้สึกความชอบส่วนตัว

#ผู้มีอำนาจทุกระดับคิดให้ดีครับ ระวังจะเป็นน้ำผึ้งหยดเดียว หรือเพลงเดียวแล้วโครมได้   

หมายเหตุภาพประกอบคือหน้าจอ ที่ผมโหลดเพลง #ประเทศกูมี จาก Apple Music และ iTune



“สมคิด” ตำหนิรัฐใช้ ม.44 เล่นงานฝ่ายการเมือง


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายสมคิด เชื้อคง อดีต .. พรรคเพื่อไทย โพสต์ข้อความผ่านเครือข่ายสังคมออนไลน์ โดยมีเนื้อหาดังนี้

พล..ประยุทธ์​  จันทร์โอชานายกรัฐมนตรีได้ใช้คำสั่ง.​44​ ช่วงเป็นนายกฯใหม่ๆพักงานรวมทั้งปลดนักการเมืองท้องถิ่นมากมาย​  มีทั้งนายกฯอบตนายกฯอบจและข้าราชการ

บางคนเคยคุยกับผมว่าตั้งแต่ถูกคำสั่ง.44​ ยังไม่มีใครมาสอบสวนอะไรเลย.. ซึ่งผมไม่เห็นด้วยในการใช้อำนาจ.44​ และตำหนิทุกครั้งมันมีกระบวนการตรวจสอบและสอบสวนตามปกติก็ได้.. แต่ด้วยความกลัวมีการฟ้องศาลปกครอง( เช่นกรณีนายถวิลเปลี่ยนสี)​หรือยังไงก็ไม่ทราบ.. หรือเป็นยุทธการเขียนเสือให้วัวกลัว.. หรือเป็นการตีเมืองขึ้น

สุดท้ายก็ชัดเจนเมื่อวานนี้ ​(26​ ตุลาคม) มีการคืนตำแหน่งมากมายหลายคน..โดยเฉพาะนายกฯอบจ.นครศรีธรรมราช ซึ่งเป็นทีมงานเป่านกหวีดก็ดีครับ.. จะอายไปทำไม..? ไหนๆคนเขาก็รู้กันทั้งบ้านทั้งเมืองแล้ว.. ไม่ต้องอ้อมค้อมอีกต่อไป.. ขนาดโฆษกรัฐบาลก็ตั้งมาแล้วเมื่อหลายวันก่อน

ผมสงสัยนิดเดียวว่า... ตอนพักเขาปลดเขาใช้อำนาจ.​44​.... ตอนคืนตำแหน่งทำไมใช้ลายเซ็นพล..ประยุทธ์จันทร์โอชาตำแหน่งนายกรัฐมนตรี... มันแปร่งๆยังไงชอบกล.. ฝ่ายกฎหมายรัฐบาลช่วยตอบให้กระจ่างที


เป็นอีกครั้งที่... "ขึ้นต้นเป็นลำไม้ไผ่... พอเหลาลงไปกลายเป็นบ้องกัญชา" ????

วันศุกร์ที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2561

"พิชัย" ห่วง เศรษฐกิจไทยยังอ่อนไหว ชี้ นักลงทุนรอความมั่นใจการเลือกตั้ง


#TV24 นายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน และทีมเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า "รู้สึกเป็นห่วงเพราะปัจจุบันเริ่มมีสัญญาณของการถดถอยทางเศรษฐกิจ โดยการส่งออกเดือนกันยายนหันกลับมาติดลบที่ ลบ 5.2% ติดลบครั้งแรกในปีนี้ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความอ่อนไหวของเศรษฐกิจไทย และ ผลกระทบจากสงครามเศรษฐกิจระหว่างสหรัฐและจีนที่อาจทวีความรุนแรงเพิ่มขึ้น อีกทั้งการลงทุนภาคเอกชนที่ลดต่ำมาตลอด 4 ปีกว่า หลังจากการปฏิวัติรัฐประหาร ทำให้การส่งออกขยายตัวต่อไปได้ยาก

ทั้งนี้ การขยายตัวของการส่งออกที่ผ่านมาเกิดจากเศรษฐกิจโลกที่ดีขึ้นและการใช้กำลังการผลิตที่เหลือค้างเดิม ไม่ได้เกิดจากฝีมือของรัฐบาลแต่อย่างใด ดังนั้นรัฐจึงควรเร่งรัดการลงทุนภาคเอกชนโดยเฉพาะการลงทุนจากต่างประเทศให้เพิ่มขึ้น ซึ่งนักลงทุนอาจจะรอการเลือกตั้งที่จะมาถึงก่อนที่จะตัดสินใจลงทุน โดยดูว่าจะโปร่งใส ยุติธรรม และเชื่อถือได้ไหม ซึ่งหากมีความผิดปกติ เช่น มีการกลั่นแกล้ง หรือ มีการทุจริตในการเลือกตั้ง ก็อาจจะชะลอไม่ลงทุนอีกได้ ทั้งนี้ประชาชนจำนวนมากยังสงสัยกันว่าเหตุใดการเยือนประเทศเยอรมันของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา จึงถูกยกเลิกกลางคัน

นอกจากนี้ การท่องเที่ยวที่เป็นแรงขับเคลื่อนของเศรษฐกิจไทยมาตลอด 4 ปีกว่า เริ่มมีสัญญาณของการถดถอยเช่นกัน ซึ่งน่าจะเกิดจากการสื่อสารและการรับมือที่ผิดพลาดของรัฐบาลในการแก้ไขปัญหาอุบัติเหตุที่เกิดขึ้น ทำให้นักท่องเที่ยวจากประเทศจีนมีจำนวนลดลงอย่างเห็นได้ชัด นักท่องเที่ยวใน เชียงใหม่ และภูเก็ตหายไปอย่างน่าใจหาย สร้างปัญหาให้กับผู้ประกอบการอย่างหนัก อีกทั้งสินค้าเกษตร เช่น มะพร้าว และยางพารา ราคายังตกต่ำมาก แต่ราคาน้ำมันกลับพุ่งสูงและมีแนวโน้มที่จะสูงขึ้นอีก ดังนั้น จึงอยากขอแนะนำให้พลเอกประยุทธ์ ได้กำชับให้ 4 รมต. ที่ปัจจุบันกำลังยุ่งอยู่กับการหาเสียงให้กับพรรคประชารัฐ ได้เร่งใส่ใจทำงานแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจที่เริ่มถดถอยนี้อย่างเร่งด่วน เพราะขนาดทำงานอย่างเต็มที่มาตลอด 4 ปีกว่า เศรษฐกิจยังย่ำแย่ ประชาชนยังลำบากมาก มาตอนนี้จะแบ่งเวลาไปหาเสียง ผลงานก็จะยิ่งย่ำแย่กว่าเดิม ประชาชนก็จะยิ่งลำบาก

นอกจากนี้ อยากให้พลเอกประยุทธ์ ได้รับฟังเสียงทักท้วงจากประชาชนที่แสดงความเห็นคัดค้านการดำเนินหลายโครงการใหญ่ๆ ในช่วงนี้ ที่ดูเหมือนจะเป็นการเอื้อประโยชน์นายทุนที่สนับสนุนรัฐบาลอย่างเห็นได้ชัด อย่าทำให้ประชาชนคิดว่ารัฐบาลกำลังจะทิ้งทวนเพื่อเอื้อประโยชน์นายทุน เพื่อนายทุนอาจจะนำเงินมาสนับสนุน พรรคการเมืองที่สนับสนุนให้มีการสืบทอดอำนาจให้พลเอกประยุทธ์ กลับมาเป็นนายกฯ ต่อหลังการเลือกตั้ง ขนาดสื่อยังเผยว่าในขณะที่การเติบโตของประเทศอยู่ในระดับต่ำมาตลอด 4 ปีกว่า และประชาชนลำบากกันมาก แต่นายทุนที่สนับสนุนรัฐบาลกลับมีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นถึง 1.8 แสนล้านบาท และนายทุนที่สนับสนุนรัฐบาลอีกหลายคนก็รวยขึ้นเป็นหมื่นเป็นแสนล้านเช่นกัน ซึ่งแสดงให้เห็นชัดว่าประโยชน์ของการบริหารประเทศตกอยู่กับใคร และเป็นหลักฐานชี้ชัดว่าการบริหารงานของรัฐบาลนี้ที่ทำให้เกิดการ "รวยกระจุก จนกระจาย" อย่างยากจะปฏิเสธ

ดังนั้นแนวนโยบายของรัฐบาลหลังการเลือกตั้งที่จะต้องทำลายการผูกขาดจึงเป็นเรื่องที่จำเป็น เพื่อไม่ให้ปิดกั้นโอกาสของประชาชนที่จะพัฒนาก้าวหน้าได้" นายพิชัย กล่าว

“ลดาวัลลิ์” เตือน การประมงไทยใกล้ล้มละลาย จี้ รัฐหามาตรการช่วยเหลือ


#TV24 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 26 ตุลาคม 2561 นางลดาวัลลิ์ วงศ์ศรีวงศ์ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงแรงงาน ได้โพสต์ข้อความผ่าน Facebook ส่วนตัว โดยมีเนื้อหาดังนี้

ขอให้รัฐบาลรีบหามาตรการช่วยเหลือชาวประมงไทยด่วน เนื่องจากประสบปัญหารุมเร้าหลายด้านจนจะล้มละลายกันทั้งระบบแล้ว
         
นับตั้งแต่เดือนเมษายน 2558 จนถึงวันนี้ปี 2561 รัฐบาลยังไม่สามารถทำให้ธุรกิจการประมงของคนไทยเจริญก้าวหน้าได้ และทราบข่าวว่า กิจการเรือประมง รวมทั้งธุรกิจอุตสาหกรรมต่อเนื่องทั้งระบบหยุดชะงัก พนักงาน ลูกจ้างตกงานจำนวนมาก สูญเสียรายได้หลายแสนล้านบาท เป็นเวลาสามปีกว่าแล้ว
         
เมื่อเกิดความเสียหายต่อชาวประมง ผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้องทั้งระบบ และพนักงาน ลูกจ้าง อย่างรุนแรงเช่นนี้ รัฐบาลควรทบทวนมาตรการที่ได้ดำเนินการไปแล้ว เมื่อเดือนเมษายนปี 2558 เพื่อแก้ไขข้อกล่าวหาจากสหภาพยุโรปที่กล่าวหาว่าเรือประมงไทยทำผิดกฎหมาย หรือ IUU Fishing และมีการค้ามนุษย์ในเรือประมง ด้วยการออกกฏระเบียบมาบังคับใช้อย่างเข้มงวด และอย่างรวดเร็วโดยไม่ได้รับฟังข้อเท็จจริงจากชาวประมงโดยตรงเลย หากรัฐบาลย้อนกลับมาพูดคุยรับฟัง ความคิดเห็นจากชาวประมงโดยตรงน่าจะรู้ว่ามาตรการของรัฐบาลบกพร่องตรงไหนจะได้ปรับปรุงแก้ไขใหม่ เพื่อให้เกิดประโยชน์ทั้งสองอย่าง คือหนึ่งจะสามารถแก้ปัญหาประมงผิดกฎหมายได้ตรงจุดสามารถปลดใบเหลืองได้ และประโยชน์ที่สองกิจการประมงของไทยจะสามารถดำเนินการต่อไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยสร้างรายได้ให้เข้าสู่ระบบเศรษฐกิจของประเทศเพิ่มขึ้น
         
น่าเห็นใจชาวประมงไทยที่นอกจากได้รับผลกระทบจากมาตรการแก้ไขปัญหาประมงผิดกฎหมายอย่างเร่งด่วนและขาดการมีส่วนร่วมของชาวประมงของรัฐบาลนี้แล้ว ปัจจุบันนี้กำลังได้รับผลกระทบจากมาตรการให้นำเข้าสัตว์น้ำเสรี ซึ่งทำให้ราคาสัตว์น้ำตกต่ำอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน และทางรัฐบาลก็ยังไม่มีมาตรการใดมาช่วยเหลือเลย สถานการณ์การประมงของไทยจึงอยู่ในสภาพใกล้จะล้มละลาย อันเนื่องมาจากวิกฤติปัญหาสองเรื่องใหญ่ดังกล่าวนี้ ดุจดังคลื่นสึนามิถาโถมเข้ามาทำลายสองลูกใหญ่ๆ ซึ่งเป็นเรื่องยากเกินกำลังที่จะให้ชาวประมงแก้ไขปัญหาทั้งหมดแต่เพียงลำพัง และเชื่อว่าการบริหารจัดการที่ขาดการมีส่วนร่วมเช่นนี้จะไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้เลย อาชีพชาวประมงของคนไทยจะล้มละลายและจะสูญพันธุ์ในที่สุด

วันพฤหัสบดีที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2561

“พานทองแท้” อัดประยุทธ์ สืบทอดอำนาจง่าย รัฐธรรมนูญช่วยฟอกตัว


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชาย ดร.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความผ่านเครือข่ายสังคมออนไลน์ โดยมีเนื้อหาดังนี้

การแข่งขันที่กรรมการเข้าข้างทีมใดทีมหนึ่ง โอกาสที่ทีมอื่นจะชนะ ย่อมเป็นไปได้ยาก” 

การแข่งขันที่กรรมการฯ แอบส่งทีมของตัวเองมาลงแข่งขันเสียเอง โอกาสที่ทีมอื่นจะชนะ ย่อมเป็นไปได้ยากกว่า” 

การแข่งขันที่คนเขียนกติกา ออกกฎข้อบังคับต่างๆ เพื่อช่วยให้ทีมของตัวเองชนะตั้งแต่ยังไม่แข่งขันโอกาสที่ทีมอื่นจะพลิกกลับมาชนะได้ ย่อมเป็นไปอย่างยากที่สุด” 

กติกาในการเลือกตั้งของไทย ตามที่ระบุไว้ในกฎหมายรัฐธรรมนูญฉบับ คสช. อ่านดูผิวเผินก็จะเห็นว่า มีการเอาเปรียบกันอยู่ในเกณฑ์พอจะยอมรับได้เพราะคนไทยส่วนใหญ่อยากให้มีการเลือกตั้ง จึงยอมๆรับร่างฯกันไปก่อนโดยถึงแม้ว่า พรรคที่คนส่วนใหญ่ต้องการเลือก จะได้คะแนนลดลง 30-40 เสียง แต่ก็ยังคิดว่ายังไงก็ยังเป็นที่ 1 ได้เป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาลอยู่ดี 

แต่เมื่ออ่านให้ละเอียดอีกที จะเห็นว่ารัฐธรรมนูญฉบับนี้ ได้ซ่อนบทเฉพาะกาลเอาไว้ โดยกำหนดให้ 5 ปีแรกของการบังคับใช้รัฐธรรมนูญ การเลือกนายกรัฐมนตรีของไทย จะต้องนำเสียงของวุฒิสมาชิกจำนวน 250 คน มาร่วมโหวตกับ ..จำนวน 500 คนด้วย ทำให้การเลือกนายกฯ จะมีคะแนนทั้งสิ้น 750 เสียง 

ซึ่งวุฒิสมาชิกทั้ง 250 คนนี้ ถูกเลือกหรือมีที่มา มาจาก คสช. หรือคณะกรรมการที่ คสช.ตั้งขึ้นมาหมดทั้งสิ้น 

กติกาที่เขียนอย่างแปลกประหลาดในครั้งนี้ เข้าใจได้ง่ายๆ โดยนักเขียนการ์ตูนชื่อดัง พี่เซีย ไทยรัฐ ได้เขียนรูปเปรียบเทียบเอาไว้ว่า ฐานเสียงของพรรคฯการเมืองฝ่ายประชาธิปไตย เริ่มจาก 0 แต่ฐานของฝ่ายเผด็จการฯเริ่มจาก ..จำนวน 250 คน!! 

จากจำนวน ..และ .. ทั้งสิ้น 750 คน ใครรวบรวมได้เกินครึ่งหนึ่งขึ้นไปจะได้เป็นนายกฯ โดยที่พรรคการเมืองฝ่ายประชาธิปไตย ต้องการเสียงจากประชาชนล้วนๆ ต้องเริ่มจากบัตรใบแรกที่หย่อนลงหีบเลือกตั้ง สะสมไปจนได้ ..ครบ 376 คน ขณะที่พรรคการเมืองฝ่ายเผด็จการ มีคะแนนแอบตุนไว้แล้ว 250 เสียง 

พูดให้ชัดเจนขึ้นมาอีกนิด ถ้าพล..ประยุทธ์เกิดอยากจะสืบทอดอำนาจเป็นนายกฯต่อไป ท่านผู้นำฯ ต้องการอีกเพียง 126 เสียงเท่านั้น แต่พรรคฝ่ายประชาธิปไตย ต้องทำให้ได้เต็มจำนวนคือ 376 เสียง..!! 

กติกาการเลือกตั้ง ที่เขียนไว้ในรัฐธรรมนูญแบบนี้ จึงเป็นเพียงพิธีกรรมที่จะบอกกับชาวโลกว่าประเทศไทยเป็นประชาธิปไตยแล้ว” 


แต่เป็นประชาธิปไตย ภายใต้รัฐธรรมนูญ ที่จะช่วยฟอกตัวให้นายกเผด็จการฯคนเดิม มีโอกาสกลับมาเป็นนายกรัฐมนตรี ตามระบอบประชาธิปไตย(แบบไทยๆ) อีกครั้งอย่างง่ายดายนั่นเอง

วันพุธที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2561

"สุดารัตน์" ห่วงวันเลือกตั้งชนสอบ GAT/PAT


คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ แกนนำพรรคเพื่อไทย โพสต์ข้อความผ่านเครือข่ายสังคมออนไลน์ โดยเนื้อหาดังนี้

การที่สถาบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ (สทศ.) ของกระทรวงศึกษาธิการได้ประกาศตารางสอบ GAT/PAT ของนักเรียนทั่วประเทศ ในวันที่ 23-26 กุมภาพันธ์ 2562

เป็นการกำหนดวันโดยทราบอยู่แล้วว่าคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กำหนดให้มีการเลือกตั้งในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2562

ถ้าเป็นเช่นนี้หมายความว่านักเรียนจำนวนกว่า 6.4 ล้าน รวมถึงบุคลากรในสถานศึกษาที่คุมสอบนักเรียนทั่วประเทศอีกจำนวนหลายแสนคน ซึ่งคาดว่าจะไม่สามารถออกไปใช้สิทธิ์เลือกผู้แทนของตนเอง เพราะติดภาระหน้าที่ ที่ต้องทำในการจัดการสอบ ย่อมมีผลกระทบอย่างมาก และการออกมาใช้สิทธิ์เลือกตั้งในครั้งนี้ถือเป็นโอกาสของคนรุ่นใหม่ที่ได้ออกมาใช้สิทธิ์เลือกตั้งครั้งแรกในรอบ 5 ปี นับตั้งแต่มีการขัดขวางการเลือกตั้งเมื่อปี 2557 จนนำมาสู่เหตุการณ์รัฐประหารของรัฐบาล คสช.

ซึ่งดิฉันมองว่า การส่งเสริมให้คนรุ่นใหม่ได้มีโอกาสใช้สิทธิ์เลือกคนที่จะมาบริหารบ้านเมือง ถือเป็นการมีส่วนร่วมในการพัฒนาประชาธิปไตยของเราให้เข้มแข็ง เราต้องสนับสนุนและส่งเสริมให้เด็กรุ่นใหม่มีความเข้าใจในหลักการของประชาธิปไตย ให้คนรุ่นใหม่ได้มีโอกาสมาร่วมสร้างประชาธิปไตย

หากหน่วยงานสร้างคนรุ่นใหม่อย่างกระทรวงศึกษาธิการยังไม่ให้ความสำคัญกับการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นในครั้งนี้ นั้นหมายความว่า หน่วยงานด้านการศึกษาของไทยล้มเหลวต่อการพัฒนาประชาธิปไตยให้กับนักเรียนอย่างแท้จริง อีกทั้งยังเป็นการปิดกั้นโอกาสให้นักเรียนได้ใช้สิทธิ์อันชอบธรรมของตัวเองในการกำหนดอนาคตของประเทศ ที่เขาต้องใช้ชีวิตอยู่ในประเทศนี้อีกยาวนาน

ดังนั้นหน่วยงานสร้างคนรุ่นใหม่อย่างกระทรวงศึกษาธิการต้องให้ความสำคัญกับการเลือกตั้ง ต้องเปิดโอกาสให้เด็กมามีส่วนร่วมในการพัฒนาประชาธิปไตย ดิฉันจึงขอให้รัฐบาลแก้ไขปัญหาเรื่องนี้โดยเร่งด่วน

"หมวดเจี๊ยบ" เปิดแคมเปญ “พลิก..ลายพราง” ปฏิรูปกองทัพ..เพื่อสิ่งที่ดีกว่า


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ร้อยโทหญิงสุณิสา ทิวากรดำรง หรือ “หมวดเจี๊ยบ” อดีตรองโฆษกพรรคเพื่อไทย เปิดตัวแคมเปญ “พลิก..ลายพราง” ปฏิรูปกองทัพ..เพื่อสิ่งที่ดีกว่า ที่สโมสรผู้สื่อข่าวต่างประเทศ (FCCT) ถนนเพลินจิต กรุงเทพฯ โดยใช้เวลากล่าวกับสื่อมวลชนประมาณ 20 นาที โดยมีเนื้อหาตอนหนึ่งระบุว่า แคมเปญนี้เป็นการผลักดันการปฏิรูปกองทัพ เพื่อพลิกโฉมกองทัพให้มีความทันสมัยและมีประสิทธิภาพ โดยมีเป้าหมาย คือ ยุทธการซีโฟร์ คือ No Coup, No Conscript, No Cellulite และ No Censorship หรือ บันได 4 ขั้นเพื่อพลิกโฉมกองทัพให้เลิกพฤติกรรม 4 ข้อ คือ 1. เลิกปฏิวัติและหยุดแทรกแซงการเมือง 2. เลิกบังคับเกณฑ์ทหาร เปลี่ยนไปใช้วิธีสมัครใจ 3. เลิกใหญ่เทอะทะ แต่ปรับโครงสร้างให้สอดคล้องกับภารกิจของกองทัพสมัยใหม่ และ 4. เลิกละเมิดสิทธิมนุษยชน โดยหลังจากนี้จะเดินสายเปิดเวทีรับฟังความเห็นทั่วประเทศ และไม่กังวลจะถูกจับตาจากกองทัพ เพราะต้องการรับฟังเสียงของประชาชนจริงๆ เพื่อนำไปสู่การปฏิรูปประเทศและการปฏิรูปกองทัพ

วันอังคารที่ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2561

"ชัชชาติ" มาแล้ว! นั่งสำรวจสภาพขบวนรถไฟไทย


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า รองศาสตราจารย์ ดร.ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมในรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร โพสต์ข้อความในเครือข่ายสังคมออนไลน์ โดยมีเนื้อหาดังนี้

โพสที่แล้วทำให้คิดถึงเจ้าหลง แมวที่สถานีรถไฟลาดกระบัง ผมไม่ได้เจอหลงมาเกือบห้าปีแล้ว ไม่รู้ว่ายังอยู่สบายดีไหม วันนี้มีเวลา เลยลองแวะไปเยี่ยมโดยนั่งรถไฟจากสถานีคลองตัน ไปลาดกระบัง

ค่าตั๋วรถไฟคลองตัน-ลาดกระบัง ราคา 4 บาท ระหว่างรอรถไฟ ได้คุยกับคุณลุงบุญมา อายุ 74 ปี กำลังรอรถไฟขบวนเดียวกันไปประจันตคาม ปราจีนบุรี คุณลุงบอกว่ารับไม้กวาดมาเดินเร่ขายในกรุงเทพ ขายมา 10 วันแล้ว กำลังจะกลับบ้าน ถามคุณลุงว่าใช้บัตรสวัสดิการแห่งรัฐซื้อตั๋วหรือเปล่า ลุงบอกว่าไม่รู้จักเลย ต้องจ่ายราคาเต็ม 27 บาท พออธิบายรายละเอียด ลุงรีบจดใส่กระดาษ บอกว่าที่บ้านไม่มีใครรู้เรื่องเลย

รถไฟขบวน 279 หัวลำโพง-อรัญประเทศมาตรงเวลา รถไฟคนแน่นมาก มีแค่สี่ตู้ มีแต่ที่ยืน ค่าตั๋วไปอรัญ แค่ 48 บาท ถึงแม้จะไม่สบายนักแต่ก็เป็นทางเลือกที่ประหยัดเมื่อเทียบกับรถทัวร์ ซึ่งตอนนี้มีแต่รถแอร์ (ม.1ข) ราคา 200 บาทครับ

ผมลงที่สถานีลาดกระบัง ไปดูที่ห้องขายตั๋ว ไม่เจอเจ้าหลง ใจหายนึกว่าหลงคงไม่อยู่แล้ว พอดีเจอคุณบ่าว เสมียนสถานีรถไฟ เจ้าของหลง วิ่งมาหา คุณบ่าวบอกว่าหลงอายุเยอะแล้ว ไม่มาสถานีแล้ว แต่อยู่บ้าน เป็นเพื่อนเล่นของลูกสาวน้องใบบุญ ที่อายุขวบเจ็ดเดือน ผมเลยขอคุณบ่าวติดรถไปเยี่ยมหลงที่บ้านตรงเคหะร่มเกล้า

หลงแข็งแรงดี ดูช้าๆไปหน่อย แต่ก็ยังหล่อเหมือนเดิมครับ


ชาวเน็ตแห่แชร์ การ์ตูน "พานทองแท้" ยกคำพ่อสอน


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตและเครือข่ายสังคมออนไลน์จำนวนมาก ต่างแชร์ภาพการ์ตูนของ นายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชาย ดร.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ตั้งแต่เมื่อช่วงค่ำที่ผ่านมา โดยมีเนื้อหาระบุว่า

พ่อสอนผมเสมอว่า

1. “อย่าไปเล่นอะไร กับคนที่ชอบเอาเปรียบคนอื่น”

2. “ถ้าจะต้องลงแข่งขัน จงทำให้เต็มที่”

ผมจะเลือก 1 หรือ 2 ดีครับ?

"อนุสรณ์" สอน "ประสาร-สุริยะใส" หัดคิดนโยบาย ดีกว่าสร้างวาทกรรม


นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รักษาการรองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีนายประสาร มฤคพิทักษ์ อดีตสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) และนายสุริยะใส กตะศิลา ออกมาตั้งข้อสังเกตพรรคฝ่ายประชาธิปไตยที่ ดร.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ระบุว่าจะได้ที่นั่งในสภาเกิน 300 ที่นั่ง คือฝ่ายไหน ว่า

"ตนไม่คิดว่าประเทศไทยและคนไทยต้องมาฟังนิยามของคำว่าประชาธิปไตยจากคนกลุ่มที่ยึดสนามบิน ชัตดาวน์ประเทศ ชัตดาวน์ระบบราชการ เสมือนการไปฟังเรื่องการรักษาศีล 5 จากกลุ่มคนที่ติดสุราเรื้อรัง หรือ ขึ้นธรรมาสน์ไม่ล้างเท้าหรือไม่? ประชาชนเขาดูออกทั้งหมดว่าพรรคไหน คือพรรคฝ่ายประชาธิปไตย พรรคไหนไม่ใช่ หรือพรรคไหนสนับสนุนเผด็จการ พรรคไหนสนับสนุนการสืบทอดอำนาจ"

"ดังนั้น อย่ามาตั้งข้อสังเกตให้เกิดความสับสน หลายสถานการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นสิ่งบ่งชี้ว่าประชาชนตัดสินใจได้ พรรคฝ่ายประชาธิปไตย ไม่ใช่พรรคที่มีกลุ่มคนไปยึดสนามบินสร้างความเสียหายให้ประเทศ แต่พอศาลสั่งให้ชดใช้ค่าเสียหายกลับไม่มีเงินจ่าย ไม่ใช่พวกนกหวีดชัตดาวน์ประเทศ ชัตดาวน์ระบบราชการ ไม่ใช่พวกที่บอยคอตการเลือกตั้ง ไม่เชื่อมั่นระบบรัฐสภา แต่เชื่อมั่นระบบม็อบล้อมสภา ทำการเมืองข้างถนน ถ้าว่างมากก็ให้ไปช่วยพรรคพวกที่จะสนับสนุนการสืบทอดอำนาจ หาสมาชิก คิดนโยบาย ดีกว่ามาสร้างวาทกรรมสร้างความเกลียดชังให้เกิดขึ้นในสังคม หรือไม่?" นายอนุสรณ์ กล่าว

"นพดล" แนะรัฐลดยอดอุบัติเหตุ


นพดล เรียกร้องผู้รับผิดชอบตื่นรู้และเอาจริงให้ไทยไม่ติดแชมป์อุบัติเหตุทางรถยนตร์สูงสุดของโลก

นายนพดล ปัทมะ อดีต รมว.ต่างประเทศ กล่าวถึงสถิติอุบัติเหตุทางรถยนตร์ที่ไทยติดลำดับต้นๆของโลก สูญเสียชีวิตนับหมื่น สูญเสียทางเศรษฐกิจปีละนับแสนล้าน ภาครัฐและประชาชนรู้เรื่องนี้ดี แต่ถามว่าการแก้ปัญหามีความจริงจังมุ่งมั่นแค่ไหน เรื่องนี้มันต้องมีความกระตือรือล้นมากกว่านี้ ต้องบังคับใช้มาตรการเข้มข้นใหม่ๆ มีห้องปฏิบัติการติดตาม 24 ชั่วโมง ต้องมีการรณรงค์อย่างต่อเนื่อง ไม่ใช่เฉพาะช่วงปีใหม่หรือสงกรานต์ นอกจากนั้นควรศึกษามาตรการจากประเทศที่เขาทำสำเร็จในการลดอุบัติเหตุบนถนนว่าเขาทำอย่างไร และรับฟังข้อเสนอจากภาคส่วนต่างๆแล้วไปพิจารณาบ้าง อย่าทำตัวเป็นน้ำเต็มแก้ว แต่พอเกิดอุบัติเหตุขนานใหญ่และความสูญเสียก็เงียบๆไป ล่าสุดมีอุบัติเหตุรถตู้ตาย 8 คน ตามข่าวบอกขับเร็วและรถติดจีพีเอสแต่ไม่เปิดใช้ใช่หรือไม่? ซึ่งตนเคยเตือนแล้วว่า การติดจีพีเอสนั้นมันแก้ที่ปลายเหตุ มันเป็นมาตรการ passive safety แต่ที่ตนเคยเสนอไปคือควรให้รถตู้ รถทัวร์ รถบรรทุกติดตั้งเครื่องจำกัดความเร็ว เมื่อติดแล้วคนขับจะเหยียบเท่าไหร่ก็ไม่เกินความเร็วที่จำกัดไว้ เช่น 90 กิโลเมตร/ชั่วโมง ซึ่งจะช่วยป้องกันการขับรถเร็วที่ต้นเหตุ ชีวิตของผู้โดยสารไม่ต้องฝากไว้กับคนขับที่ประมาท เป็นมาตรการที่ได้ผลแบบ active safety หลายประเทศในยุโรปมีกฏหมายให้ติดตั้งเครื่องจำกัดความเร็วไปนานแล้ว แต่เราไปดูงานเคยเอาแนวคิดดีๆมาปรับใช้บ้างหรือไม่?

“ขอเรียกร้องรัฐบาลและหน่วยงานที่มีหน้าที่ทำให้การใช้ถนนปลอดภัยและลดอุบัติเหตุลองพิจารณาแนวคิดนี้สักครั้ง เชิญผู้เชี่ยวชาญมาให้ความรู้ ฟังเสียงผู้ประกอบการ นอกจากนั้น ต้องเร่งหามาตรการอื่นๆที่เป็นรูปธรรมมาใช้ และทำเรื่องความปลอดภัยจากการใช้ถนนเป็นวาระแห่งชาติได้แล้ว ตนรู้สึกเศร้าใจที่อ่านข่าวอุบัติเหตุที่มีคนเสียชีวิตจำนวนมาก บางคนไม่รู้อิโหน่อิเหน่ แต่มีรถขับเร็วข้ามเลนมาชน ผู้มีอำนาจหน้าที่รับผิดชอบท่านคิดจะทำอะไรเพิ่มเติมหรือไม่?” นายนพดล ปัทมะ กล่าว

"ชลน่าน" แนะรัฐทบทวนมาตรการใช้รถฉุกเฉิน


นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึง กรณี สถ. ห้ามรถฉุกเฉิน อปท.รับส่งผู้ป่วยตามใบนัดแพทย์ ให้ใช้กรณีฉุกเฉินเท่านั้น ก่อให้เกิดปัญหากับ อปท.หลายๆแห่ง โดยเฉพาะ อปท ขนาดเล็ก ที่มีรกฉุกเฉิน เพียงคันเดียว ส่งผลกระทบต่อผู้ป่วยทั่วไปที่ต้องใช้บริการของ อปท ในการรับส่งผู้ป่วยไป รับบริการที่ รพ.สต หรือตาม รพ.ต่างๆ ถึงแม้ว่ากรณีเป็นผู้ป่วยยากไร้ ผู้ป่วยติดเตียง อธิบดี สถ.ออกมาเน้นย้ำให้ผู้ป่วยเหล่านี้ ไปขอรับบริการจาก อปท.ตามระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยเงินช่วยเหลือประชาชนตามอำนาจของ อปท 2560 และ อปท ก็สามารถให้ความช่วยเหลือจัดรถฉุกเฉินไปรับส่งได้ แต่ก็ทำความลำบากใจของผู้บริหาร อปท ในการที่จะพิจารณาอนุมัติ ให้ดำเนินการได้เหมือนเดิม เนื่องจากมีข้อกังวลว่า กรณีมีเหตุจำเป็นฉุกเฉินเกิดขึ้น ถ้าไม่สามารถส่งรถฉุกเฉินเข้าไปช่วยเหลือภายในระยะเวลาอันเหมาะสมตามระยะทางได้ ภาระรับผิดชอบจะตกกับ ผู้บริหาร อปท โดยตรง จึงเป็นไปได้สูงมากที่ผู้ป่วยเหล่านี้ จะถูกปฏิเสธ ไม่ได้รับความช่วยเหลือ ผู้ป่วยเหล่านี้ก็จะไม่ได้รับการดูแล การรักษาพยาบาล ที่ถูกต้องเหมาะสม ทำไห้เกิดภาวะแทรกซ้อน จนเป็นอันตรายกับผู้ป่วยได้

ทางออกของเรื่องนี้ ที่เหมาะสมสำหรับ อปท ขนาดเล็กที่มีรถฉุกเฉินเพียง 1 คัน ซึ่งส่วนมากได้รับอนุญาตให้เป็นรถฉุกเฉินประเภทรถกู้ภัยเบื้องต้น(FR)  มีรถฉุกเฉิน ประเภท กู้ชีพขั้นต้น (BLS) บ้าง บางแห่ง ตามแนวทางปฏิบัติ ของ สถ. ก็ต้องใช้บริการสำหรับ กรณีฉุกเฉินเท่านั้น

กรณีมีความจำเป็นจะต้องให้ความช่วยเหลือในการรับส่งผู้ป่วยที่ไม่เข้าข่ายฉุกเฉิน โดยเฉพาะผู้ป่วยยากไร้ ผู้ป่วยติดเตียง มารับการดูแลรักษาที่สถานพยาบาล ควรดำเนินการดังต่อไปนี้
 
1. ทำความตกลงกับหน่วยงานตรวจตรวจสอบ พิจารณาทบทวนระเบียบที่เกี่ยวข้อง ในการใช้งบประมาณ โดยกำหนดให้การรับส่งผู้ป่วย เป็นภาระกิจของรถฉุกเฉิน หรือ
 
2. สถ.ต้องผ่อนปรนหลักเกณฑ์แนวทางปฏิบัติ ให้ อปท สามารถใช้ดุลยพินิจให้ใช้รถฉุกเฉิน บริการผู้ป่วยได้ทุกประเภท ไม่เน้นเฉพาะผู้ป่วยยากไร้และผู้ป่วยติดเตียง ที่ไม่ใช่กรณีฉุกเฉิน โดยมีเงื่อนไขว่า ขณะนำรถฉุกเฉินไปให้บริการอื่น กรณีมีเหตุฉุกเฉินเกิดขึ้นจะต้องมีรถฉุกเฉิน เข้าไป ถึง ณ จุดเกิดเหตุ ภายในระยะเวลาที่กำเหนดได้

3. เพื่อรองรับเงื่อนไข ตามข้อ 2 อปท ที่อยู่ใกล้เคียงกัน พื้นที่ติดต่อกัน ต้องจัดตั้งเครือข่าย รถบริการฉุกเฉิน ที่มีความพร้อม โดยเฉพาะเครื่องมือสื่อสาร สามารวถตรวจสอบ ตรวจทานกันอยู่ตลอดเวลา ที่จะเข้าไปทำหน้าที่ทดแทนกันได้ อย่างทันท่วงที

การนี้นอกจากจะแก้ปัญหาให้กับพี่น้องประชาชนแล้ว ยังทำให้หน่วยกู้ภัย กู้ชีพ มีเครือข่ายการทำงานอย่างเข้มแข็ง เรียนรู้พัฒนาร่วมกัน ถึงพร้อมเรื่องมาตรฐานการกู้ภัย และการกู้ชีพ และเป็นการใช้ทรัพยากร และบุคคลากร งบประมาณ ที่เป็นภาษีอากรของพี่น้องประชาชน เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ มีประสิทธิผล เกิดประโยชน์สูงสุดอีกด้วย

ส่วน อปท ที่มีศักยภาพ ก็สามารถจัดหายานพาหนะที่ไม่ใช่รถฉุกเฉิน หรือจัดหารถฉุกเฉินสำรองใว้อีก 1 คัน เป็นรถบริการสาธารณะใว้บริการรับส่ง ผู้ป่วย เด็กนักเรียน พี่น้องประชาชนได้ตามความเหมาะสม

ต้องขอขอบคุณแพทย์ พยาบาล โดยเฉพาะ "คุณหมอสุภัทร" ที่เห็นความเดือดร้อนของผู้ป่วย และความสัมพันธ์อันดีของ อปทและสถานพยาบาลที่ช่วยกันดูแลสุขภาพ การเจ็บป่วย ของประชาชน ออกมาช่วยกระตุกต่อมคิดของ ผู้บริหาร สถ.ในฐานะผู้กำหนดระเบียบ แนวทางปฏิบัติ  โดยเปรียบเทียบให้เห็นภาพอย่างชัดเจน "ห้ามรถฉุกเฉินส่งผู้ป่วย แต่รถถังกลับใช้รัฐประหารได้" เรียกร้องให้ผู้บริหาร อปท ระดับปฏิบัติในพื้นที่  หาแนวทางที่ถูกต้องเหมาะสมเสนอเป็นแนวทางปฏิบัติ เพื่อให้บริการพี่น้องประชาชน โดยคำนึงถึงความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน ดูแลพี่น้องประชานชน โดยใช้เงินภาษีอากรของพี่น้องประชาชน ให้คุ้มค่า เกิดประโยชน์สูงสุด

หวังว่าข้อเสนอนี้ จะเป็นประโยชน์กับทุกฝ่ายนะครับ

นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว     
อดีตส.ส น่าน อดีต รมช. สาธารณสุข
พรรคเพื่อไทย

วันจันทร์ที่ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2561

เพื่อไทย แนะรัฐจับมืออินโดฯ-มาเลย์ แก้ปัญหาราคาปาล์มตกต่ำ


#TV24 ร.ต.อ.วัฒนรักษ์ สุรนาทยุทธ์ นักอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า "ห่วงใยกลุ่มเกษตรกรชาวสวนปาล์ม เพราะราคาปาล์มตกต่ำอย่างหนักในรอบ 20 ปี ซึ่งปัจจัยที่ทำให้ราคาปาล์มตกต่ำส่งผลมาจากการที่อียูมีมติเรียกร้องห้ามนำเข้าผลิตภัณฑ์น้ำมันปาล์มใช้เป็นเชื้อเพลิงชีวภาพ โดยสภาที่ปรึกษาด้านสุขภาพของเบลเยียมซึ่งเป็นองค์กรให้คำปรึกษาด้านสาธารณสุขแก่รัฐบาลเบลเยียม ได้ออกรายงานว่า น้ำมันปาล์มมีกรดไขมันอิ่มตัว (saturated fat) ซึ่งก่อให้เกิดโรคหัวใจ ส่งผลทำให้ราคาปาล์มไทยตกลงมาอยู่ที่ประมาณ 2.50 บาท ต่อกิโลกรัม ซึ่งราคาของตลาดโลกควรจะอยู่ที่ 3.30 บาท ต่อกิโลกรัม จึงจะเป็นธรรมกับผู้ซื้อและผู้ขาย"

ร.ต.อ.วัฒนรักษ์ กล่าวต่อว่า "สำหรับการแก้ปัญหาในระยะยาวเพื่อไม่ให้ประสพปัญหาราคาปาล์มตกต่ำอีก เราต้องร่วมมือกับเพื่อนบ้านเพื่อสนับสนุนราคาปาล์มให้อยู่ในอัตราที่เหมาะสม และเพิ่มเติมในส่วนของการขยายตลาดและการหาตลาดสำรองกับประเทศที่มีการบริโภคน้ำมันปาล์มในปริมาณมาก เช่น อินเดียและจีน เพื่อต่อยอดการขยายตลาดไปสู่ภูมิภาคต่างๆ ในอนาคต ซึ่งรัฐควรจับมือกับอินโดฯ และมาเลย์ เพื่อปกป้องอุตสาหกรรมปาล์ม และการกีดกันการค้าของสภายุโรป"

“นรวิชญ์” อัด ป.ป.ช. รื้อคดีจำนำข้าวยิ่งลักษณ์-หวังผลการเมือง


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า​​​ เมื่อวันที่ 22 ตุลาคม 2561 นายนรวิชญ์ หล้าแหล่ง ในฐานะทนายความของนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เรียกร้องต่อคณะกรรมการ ... ชุดใหญ่ อย่าตกเป็นเครื่องมือหรือยอมให้ถูกใช้เพื่อเป็นวาระทางการเมืองก่อนการเลือกตั้ง

​​ด้วยเมื่อสัปดาห์แรกของเดือนตุลาคม 2561 ที่ผ่านมามีกระแสข่าวว่ากรรมการ ...รายหนึ่ง ที่นางสาวยิ่งลักษณ์ เคยระบุว่า มีอคติต่อตนมาตลอด ได้มีความพยายามที่จะนำคดีระบายข้าว (จีทูจี) โดยนำสัญญาระบายข้าวที่เหลือมาดำเนินคดีใหม่อีกเป็นครั้งที่ 2 แต่กลับมีการกล่าวหาบุคคลเพิ่มเติมนอกเหนือจากคำพิพากษาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง โดยให้จำเลยหลายรายในเรือนจำให้การซัดทอดถึง ดร.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และเครือญาติ โดยมีการจูงใจแลกกับสิทธิประโยชน์ที่ไม่ต้องรับโทษอยู่ในเรือนจำ แต่ให้อยู่ในโรงพยาบาลแทนโดยมีข้ออ้างเรื่องเจ็บป่วยตามที่อธิบดีกรมราชทัณฑ์ได้แถลงว่า ได้รับการประสานจากโรงพยาบาลตำรวจ รวมทั้งสัญญาที่จะให้สิทธิประโยชน์แก่จำเลยรายอื่นๆ ด้วย ในเรื่องที่แตกต่างกันไป ซึ่งมีข้อสังเกตว่าความพยายามเรื่องนี้สอดรับกับประกาศ ... เรื่องหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการกันบุคคลไว้เป็นพยานโดยไม่ดำเนินคดี .. 2561 ที่เพิ่งมาประกาศใช้เมื่อวันที่ 19 ตุลาคม 2561

ข้าพเจ้าในฐานะ ทนายความของอดีตนายกรัฐมนตรี ที่ได้รับมอบหมายให้ดูแลคดีที่เหลือทั้งหมด จึงขอตั้งข้อสังเกตว่า หากเป็นจริงตามกระแสข่าวดังกล่าวในช่วงนี้ เป็นเรื่องเศร้า และน่าอดสู่ใจเป็นอย่างยิ่ง ที่มีกรรมการ ...บางคน นำองค์กรมาเป็นเครื่องมือในทางการเมืองเพียงเพื่อทำลายชื่อเสียงของท่านอดีตนายกรัฐมนตรีทั้งสองท่าน และทำลายความน่าเชื่อถือของพรรคเพื่อไทย ในสถานการณ์ทางการเมืองที่ ปี่ กลอง การเลือกตั้งกำลังจะเริ่มขึ้น หากจะดำเนินคดีนี้อีกควรทำให้เป็นเรื่องปกติตามขั้นตอนและกระบวนการของกฎหมายเพื่อพิสูจน์ความถูกผิด ซึ่งศาลฎีกาเองก็ได้มีคำพิพากษาไว้แล้ว ไม่ควรที่จะมีข้อเท็จจริงใหม่เกินขอบเขตที่ศาลฎีกาได้พิพากษาไว้โดยกล่าวหาบุคคลอื่นเพิ่มเติมอีกแต่อย่างใด

ในชั้นนี้ ข้าพเจ้าในฐานะทนายความของท่านอดีตนายกรัฐมนตรีทั้งสองท่าน จึงขอเรียกร้องมายังประธานคณะกรรมการ ... และกรรมการ ... ท่านอื่นๆ ซึ่งล้วนแต่เป็นผู้ทรงคุณวุฒิ อย่าตกเป็นเครื่องมือของกรรมการ ...บางคน หรือกลุ่มบุคคลกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งที่จะนำองค์กรมาเป็นเครื่องมือเพื่อหวังผลประโยชน์ทางการเมือง


​​นายนรวิชญ์ กล่าวทิ้งท้ายว่า เพื่อดำรงไว้ซึ่งหลักนิติธรรมคณะกรรมการ ...ทั้งคณะที่เหลือคงจะให้ความเป็นธรรมและใช้ดุลพินิจพิจารณาอย่างรอบคอบ เที่ยงธรรม เพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรมที่ต้องดำรงไว้ด้วย

"อนุสรณ์" ชี้ "ดร.ทักษิณ" วิเคราะห์การเมืองไม่กระทบความมั่นคงประเทศ


#TV24 นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รักษาการรองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ระบุ ดร.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เคลื่อนไหวแต่ละทีสะเทือนไปหมด ว่า

"พล.อ.ประวิตร เป็นผู้ใหญ่ต้องหนักแน่น ก่อนหน้านี้คุยมาตลอดว่า ผลงาน 4 ปีรัฐบาลที่โดดเด่นคือการทำให้ประเทศสงบ แต่รองนายกรัฐมนตรีที่กำกับดูแลงานด้านความมั่นคงกลับมาบอกเสียเองว่า การให้สัมภาษณ์ของ ดร.ทักษิณ อดีตนายกฯ กระทบต่อความมั่นคง การที่ ดร.ทักษิณ วิเคราะห์ว่าพรรคฝ่ายสนับสนุนประชาธิปไตยจะได้ที่นั่งในสภาเกิน 300 ที่นั่งนั้น ก็เป็นการวิเคราะห์คาดการณ์แบบวิญญูชนทั่วไป ชาวบ้านนั่งตามร้านกาแฟก็คิดวิเคราะห์กันไปต่างๆนาๆได้ ผลอาจจะเป็นหรือไม่เป็นไปตามนั้นก็ได้ ไม่น่าจะเป็นภัยต่อความมั่นคงแต่อย่างใด ไม่อยากให้ใครไปขยายความให้เกิดตื่นตระหนกหรือมองโลกในแง่ร้าย โดยเฉพาะคนของรัฐบาล ทำโพลมากี่ครั้งคะแนนของพรรคที่จะสนับสนุนการสืบทอดอำนาจก็ได้คะแนนที่ดีมาโดยตลอด จะกลัวอะไรกับการตัดสินใจของประชาชน กับเพียงแค่การวิเคราะห์คาดการณ์ทางการเมือง การวิเคราะห์ว่าพรรคฝ่ายประชาธิปไตยจะได้ที่นั่งในสภาเกิน 300 ที่นั่ง ไม่ได้เป็นการครอบงำทางการเมืองกับพรรคใดแต่อย่างใด และไม่ได้เป็นภัยต่อความมั่นคง แต่อาจมีผลทางจิตใจของแกนนำรัฐบาลหรือไม่? ที่พูดอยู่ฝ่ายเดียว ทำอยู่ฝ่ายเดียวมาตลอด 4 ปี แต่คะแนนนิยมยังไม่เป็นไปตามเป้าหมายหรือไม่?"

"คนที่เคยเป็นอดีตนายกรัฐมนตรีของประเทศ ไม่ว่าจะมาจากฝ่ายใด ทุกคนก็ต้องรักและหวังดีต่อประเทศชาติบ้านเมืองทุกคน ดังนั้นอย่าทำให้ประชาชนสับสนหรือสงสัยว่า ก็ในเมื่อประเทศสงบมาตลอด พอใกล้จะเลือกตั้งทำไมถึงจะไม่สงบ หรือถ้าจะไม่สงบจริงๆ ใครเป็นผู้ได้ประโยชน์สูงสุดจากการอ้างเหตุแห่งความไม่สงบนั้นสืบทอดอำนาจต่อไปหรือไม่?" นายอนุสรณ์ กล่าว

วันอาทิตย์ที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2561

“ชยิกา” แนะรัฐชะลอ พ.ร.บ.ไซเบอร์ เผยสังคมหวั่นเป็นเครื่องมือการเมือง


ชยิกาเสนอ​ “รัฐบาลชะลอดัน ...ไซเบอร์ เปิดรับฟังความเห็นประชาชน ปมละเมิดสิทธิฯ 
ชี้ กระทบการลงทุนธุรกิจดิจิตัลรุนแรง ยิ่งดัน สังคมยิ่งหวั่นถูกใช้เป็นเครื่องมือการเมือง 

นางสาวชยิกา วงศ์นภาจันทร์  คณะทำงานด้านต่างประเทศ และคณะทำงานด้านสื่อประชาสัมพันธ์ออนไลน์พรรคเพื่อไทย โพสต์แสดงความเห็นต่อการเสนอร่างพ...ความมั่นคงไซเบอร์ ในเฟสบุ๊คส่วนตัวว่าตนไม่เห็นด้วยกับการที่สภานิติบัญญัติ ที่มาจากการแต่งตั้งของคณะรัฐประหาร จะผ่านร่าง ...ไซเบอร์ ที่ส่งผลกระทบต่อสิทธิเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น และสิทธิส่วนบุคคลของประชาชนทั้งประเทศ ซึ่งหลายฝ่ายแสดงความกังวลว่าอาจจะทำให้เกิดการละเมิดสิทธิประชาชน ปิดกั้นสื่อ และใช้กฎหมายเพื่อทำลายผู้ที่เห็นต่างทางการเมือง การที่รัฐบาล คสช. จะเสนอ ร่างกฎหมายฉบับนี้ จึงเป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วงมาก เนื่องจากการใช้ชีวิตของคนในยุคดิจิตัลจำนวนไม่น้อยกว่า 40 ล้านคน ของประเทศ ผูกพันอยู่บนโลกออนไลน์ข้อมูลส่วนตัวของประชาชนถูกเก็บบันทึกอยู่บนโลกออนไลน์แทบทั้งสิ้น ผู้ร่างกฎหมายดังกล่าว จึงควรรับฟังความคิดเห็นของประชาชนให้หลากหลายมากกว่าที่ทำอยู่ 

นางสาวชยิกา กล่าวต่อว่า ร่างพ...นี้มีปัญหาหลายด้าน กฎหมายฉบับนี้ต้องการ "ควบคุม" มากกว่า "ส่งเสริมและสนับสนุน" เสรีภาพของประชาชน จึงขอตั้งข้อสังเกตว่า การเร่งรัดให้ผ่านร่างกฎหมายฉบับนี้ให้ทันก่อนเลือกตั้งมีวัตถุประสงค์ทางการเมืองแอบแฝงหรือไม่ ซึ่งในข้อเท็จจริง ร่าง ...ความมั่นคงไซเบอร์ รวมไปถึง ...คอมพิวเตอร์ ทั้งเนื้อหาและโครงสร้างบริหารสร้างอุปสรรคในการพัฒนาประเทศไปสู่เวทีสากล ทำให้หลายฝ่ายกังวัลว่าอาจมีการละเมิดสิทธิเสรีภาพของประชาชน


นางสาวชยิกา ยังได้เสนอให้ชะลอการเสนอร่างฯ ผ่าน สนช.เพราะ สนช. ไม่ได้มีความยึดโยงกับประชาชน และให้รัฐบาลที่มีจากการเลือกตั้งเป็นผู้พิจารณา รัฐบาลควรแก้ไขนิยามให้ชัดเจน เช่น นิยามเรื่องความมั่นคง” “ภัยไซเบอร์ฯลฯ เพื่อให้เกิดความชัดเจนสร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักลงทุนไทยและต่างประเทศ ลดความเสี่ยงที่กฎหมายจะถูกใช้เป็นเครื่องมือทางการเมือง ทำลายฝ่ายที่เห็นต่างทางการเมือง และให้การดำเนินคดีผ่านกระบวนการยุติธรรมปกติ ไม่จำเป็นต้องให้อำนาจพิเศษแก่บุคคล ซึ่งสุ่มเสี่ยงต่อการกระทบสิทธิขั้นพื้นฐานของประชาชนอีกด้วย