#TV24 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ตอบข้อท้วงติงของ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ แกนนำพรรคเพื่อไทย ที่พูดถึงโครงการหลักประกันสุขภาพ (30 บาทรักษาทุกโรค) เรื่องบัตรคนจนและเรื่อง ซุปเปอร์บอร์ดสุขภาพ ว่า
ในฐานะที่ผมเป็นแพทย์และอยู่ในพรรคไทยรักไทยที่เริ่มต้นทำนโยบายหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า โครงการ 30 บาทรักษาทุกโรค และเป็นกรรมาธิการพิจารณาร่างกฎหมายหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ซึ่งเป็นกฎหมายฉบับแรกที่ภาคประชาชนร่วมเสนอและเป็นกรรมาธิการถึงหนึ่งในสาม ซึ่งเขาได้ต่อสู้ปกป้อง เรื่องศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ความเสมอภาคทัดเทียมอย่างเข้มข้น เมื่อปี 2545
ได้ฟังท่านนายกรัฐมตรีและโฆษกไก่อูพูด ตอบข้อท้วงติงด้วยความห่วงใยของคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ที่พูดถึงโครงการ 30 บาทรักษาทุกโรค เรื่องบัตรคนจนและเรื่อง ซุปเปอร์บอร์ดสุขภาพแลัว ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมโครงการ 30 บาทรักษาทุกโรค และการดูแลให้สวัสดิการแก่พี่น้องประชาชนในปัจจุบัน จึงมีปัญหามากขึ้นทั้งผู้รับบริการ เช่น คนไข้ก็มีความทุกข์ ผู้ให้บริการไม่มีความสุข ยิ่งงบประมาณเหมาจ่ายรายหัวเพิ่มมากขึ้น การเจ็บป่วยและคนไข้ยิ่งเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ สุขภาพโดยรวมแย่ลง
ที่เป็นเช่นนี้เพราะคนในรัฐบาลไม่มีความเข้าใจในหลักการของโครงการหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า และหลักการสิทธิมนุษยชน ศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์ เรื่องการแบ่งแยกชนชั้น เมื่อไปใช้บริการจากรัฐ ซึ่งต้องการให้การใช้สิทธิในการเข้าถึงบริการและการรักษาพยาบาลอย่างมีคุณภาพ มีศักดิ์ศรีทัดเทียมกัน ป้องกันการแบ่งแยกว่าคนนี้จน จากเจ้าหน้าที่รัฐ และบุคคลทั่วไป
ขณะนี้ทุกคนที่ใช้บัตรทอง 30 บาทรักษาทุกโรค ก็เข้ามารับการรักษาฟรีได้อยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องมีมติ ครม. ให้บัตรคนจนรักษาฟรี เพราะจะเป็นการไปตอกย้ำ แบ่งแยกคนจน 11.4 ล้านคน ให้มีสิทธิ์รับการรักษาฟรีก็ต่อเมื่อเขาต้องถือบัตรคนจนเท่านั้น ดูเหมือนเป็นการเพิ่มมูลค่าบัตรแต่กลับตอกย้ำแบ่งแยก ทำให้การเข้าถึงการรักษาที่มีคุณภาพอย่างทัดเทียมกันอย่างมีศักดิ์ศรีถูกกระทบอย่างแรง
การดำเนินการเช่นนี้ ถือว่าเป็นการทำลายหลักการของโครงการหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าและศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ที่ให้สิทธิคนไทยทุกคนเข้าถึงการบริการและการรักษาพยาบาลอย่างมีศักดิ์ศรีเท่าเทียมกัน โดยรู้เท่าไม่ถึงการ หรือเรื่องนี้ มีเป้าหมายอื่นแอบแฝงอยู่ ต้องการตอกย้ำเพื่อนำไปสู่ข้อผูกมัดทางการเมือง ในเรื่องเลือกตั้งที่กำลังจะเกิดขึ้น หรือ ต้องการแบ่งแยกให้ชัดเจน ว่า คนที่ไม่มีบัตรคนจน คือคนที่มีรายได้มากกว่า 100,000 บาทขึ้นไป ต้องร่วมจ่ายค่ารักษาพยาบาลร้อยละ 10 - 20 ตามที่มีข่าวในหน้าสื่ออย่างครึกโครม
โดยเฉพาะการคิดเร็วๆ ไปเปลี่ยนชื่อบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เป็น "บัตรแห่งความสุข" จะสร้างปัญหา สร้างความวุ่นวายตามมาอย่างมากมาย ตราบใดที่มีกฎหมายให้ "บัตรแห่งความสุข" รักษาฟรี ขณะที่คนรวยจ่ายตังค์ จะเกิด "บัตรแห่งความทุกข์" ณ โรงพยาบาลขึ้นมาทันที เพราะชื่อบัตร ไม่เกี่ยวกับการแบ่งแยกชนชั้น การให้บัตรรักษาฟรี การปฏิบัติจากเจ้าหน้าที่ต่างหากที่ไปตอกย้ำการให้บริการที่มีการแบ่งแยกชนชั้น เช่น บัตรสงเคราะห์ผู้มีรายได้น้อยในอดีต ที่มีภาพผู้ป่วยที่ใช้บัตรเหล่านี้เป็นผู้ป่วยอนาถาจึงต้องยกเลิก เมื่อมีโครงก 30 บาท โดยให้บัตรทอง ใช้เสมอหน้ากัน ดังนั้นผู้ยิ่งใหญ่ทั้งหลายควรไปศึกษาเรียนรู้หลักการของโครงการหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับด้านสุขภาพ หลักศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ และผลกระทบที่จะเกิด เมื่อจะดำเนินการใดๆ ให้เข้าใจอย่างแจ่มชัดเสียก่อน โดยเฉพาะการมีส่วนร่วมของประชาชนทุกขั้นตอน การพูดผิดไม่เป็นไร เป็นความเสียหายส่วนตัว แต่ทำผิดด้วยนี่ ทำให้ประชาชนเดือดร้อนทั่วหน้า ในเวลานี้อะไรที่เป็นประโยชน์กับประชาชนจัดมาเถอะครับจัดมาให้ถูกทาง เพราะพรรคเพื่อไทยหัวใจคือประชาชน ส่วนการจัดจะมีเจตนาแอบแฝงอะไรหรือไม่ประชาชนรับรู้ได้อย่างถ่องแท้ครับ
นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว
นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น