"การดำเนินการดังกล่าวประชาชนดูออกว่า เป็นความพยายามในการหาเสียงในช่วงโค้งสุดท้ายของรัฐบาลอย่างเป็นกระบวนการหรือไม่? อยู่มา 4 ปีกว่า ลักษณะแบบนี้มีมาตั้งแต่ช่วงแรกหรือไม่? ประชาชนเรียกร้องให้ลาออก ก็ไม่ลาออก แล้วยังมาอ้างว่ามาตรฐานดีกว่านักการเมืองรุ่นเก่า โดยลืมอธิบายไปถึงที่มาของการเป็นรัฐบาลว่า มาจากการยึดอำนาจ ฉีกรัฐธรรมนูญ แค่ที่มามาตรฐานก็ต่ำกว่านักการเมืองรุ่นเก่าหรือไม่? จากกรรมการผันตัวเองเป็นผู้เล่น เขียนกติกาเอง ควบคุมเกมได้เกือบทั้งหมด ยังจะเอาเปรียบคู่แข่งทุกวิถีทางหรือไม่? ในขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ เปิดเฟซบุ๊กรุกในทุกช่องทางโซเชียลมีเดีย แต่กลับห้ามพรรคการเมือง นักการเมืองหาเสียงทางโซเชียลมีเดีย มันทำให้ตอบสังคมได้ยากว่า เส้นแบ่งของการหาเสียงกับไม่หาเสียงอยู่ตรงไหน ในขณะที่ห้ามคนอื่นไม่ให้หาเสียง แต่กลุ่มก๊วนในเครือข่ายที่จะสนับสนุนรัฐบาลทำได้อย่างเต็มที่หรือไม่?"
"ก่อนหน้านี้กลุ่มสามมิตรลงพื้นที่เคลื่อนไหวอย่างหนักบอกว่ายังไม่ได้เป็นพรรคการเมือง แต่พลังประชารัฐกลายเป็นพรรคการเมืองไปแล้ว และมีแนวโน้มสูงว่าจะมาอยู่ด้วยกัน ยังจะมาอธิบายอยู่อย่างเดิมประชาชนจะฟังได้หรือไม่? ประชาชนไม่ได้มีปัญหาที่พรรคการเมืองไปทำกิจกรรม แต่ควรยึดหลักบังคับใช้กติกาอย่างเท่าเทียม ไม่เลือกปฏิบัติ ไม่ไร้มาตรฐาน ทางที่ดีควรปลดล็อกให้พรรคการเมืองสามารถทำกิจกรรมได้อย่างเต็มที่เสมอภาคทุกพรรคการเมือง เพื่อนำไปสู่การเลือกตั้งที่เสรีและเป็นธรรม เพราะถ้าปล่อยให้สถานการณ์เป็นแบบนี้ต่อไป อาจส่งผลกระทบถึงผลการเลือกตั้ง ที่ทั้งในประเทศและต่างประเทศไม่เชื่อมั่นว่าสุจริตและเที่ยงธรรมหรือไม่?" นายอนุสรณ์ กล่าว
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น