นายชุมสาย กล่าวว่า "ตลอด 4-5 ปีมานี้ มีเกษตรกรที่ได้รับความเดือดร้อนจากปัญหาราคายางพาราและราคาปาล์มตกต่ำเช่นเดียวกับเกษตรกรในภาคใต้ทั่วประเทศ ทั้งในภาคเหนือ และในภาคตะวันออกเฉียงเหนือเพราะมีการปลูกยางพาราและปาล์มน้ำมันในหลายจังหวัด แต่เกษตรกรในภาคใต้น่าจะได้รับความเดือดร้อนมากที่สุด เพราะทำการปลูกยางพารา และปาล์มน้ำมันเท่านั้น แต่เกษตรกรในภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือยังมีการปลูกพืชอื่นด้วย เช่น ข้าว ลำไย ฯลฯ แต่ปัจจุบันนี้ก็ได้รับความเดือดร้อนเช่นเดียวกันเพราะราคาผลผลิตการเกษตรแทบทุกชนิดก็ราคาตกต่ำด้วย ซึ่งปัญหาความเดือดร้อนของเกษตรกรเหล่านี้ทางฝ่ายนโยบายพรรคเพื่อไทยกำลังรวบรวมปัญหาต่างๆไว้พิจารณาหาทางแก้ไขทั้งระบบ"
นายชุมสาย กล่าวในตอนท้ายว่า "น่าเห็นใจเกษตรกรชาวสวนยางพาราและชาวสวนปาล์มน้ำมันทุกรายทั่วประเทศ ที่ไม่มีผู้แทนคอยเป็นปากเป็นเสียงให้เพราะไม่มีสภาผู้แทนราษฎร มีแต่สภานิติบัญญัติแห่งชาติที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้งของประชาชน ถ้าหากมีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่มาจากการเลือกตั้ง ทุกปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนที่ยื่นเสนอมา ก็จะได้รับความเอาใจใส่จาก ส.ส.โดยการยื่นกระทู้ถามนายกรัฐมนตรี หรือรัฐมนตรีที่รับผิดชอบในเรื่องนั้นๆ ถ้าเป็นเรื่องสำคัญมากก็จะมีการเสนอเป็นญัตติตั้งคณะกรรมาธิการพิจารณาศึกษาอย่างละเอียดรอบคอบเสนอต่อฝ่ายบริหารให้พิจารณาดำเนินการแก้ไข ส.ส.จะทำหน้าที่ติดตาม เร่งรัดให้รัฐบาลแก้ไขปัญหาที่เป็นความเดือดร้อนให้ประชาชนจนกว่าจะมีการแก้ไขปัญหาจนสำเร็จ จะไม่เหมือนกับยุค คสช.ที่กว่าจะตัดสินใจจัดงบประมาณมาช่วยอุ้มราคายาง 2 หมื่นล้านบาทก็ต้องให้เกษตรกรทุกข์ร้อนนานกว่า 4 ปี จนต้องเผายางเผาปาล์มเรียกร้องขอความช่วยเหลือทั้งน้ำตา และเป็นการช่วยเหลือเพียงบรรเทาปัญหาความเดือดร้อนเฉพาะหน้า ซึ่งจะต้องติดตามต่อไปว่าจะมีการแก้ไขปัญหาระยะยาวอย่างยั่งยืนอย่างไรบ้าง"
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น