นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง หัวหน้าทีมเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย เตือนตัวเลขเศรษฐกิจ ไตรมาสสามของปี (2561) ชะลอตัวของทั้งภาคการส่งออก การท่องเที่ยว และภาคที่เป็นที่พึ่งของประชาชนอย่างภาคเกษตร
นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง หัวหน้าทีมเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย โพสต์ข้อความผ่านเครือข่ายสังคมออนไลน์ โดยมีเนื้อหาดังนี้
"เศรษฐกิจไทย ขณะนี้อยู่ในภาวะที่น่าเป็นห่วงที่สุดแล้ว" ผมขอเตือนท่านผู้รับผิดชอบงานด้านเศรษฐกิจของประเทศให้ยอมรับความจริงว่าการดำเนินนโยบายเศรษฐกิจในสถานการณ์อันไม่เป็นประชาธิปไตยที่เนิ่นนาน ได้นำมาซึ่งสถานการณ์ การไม่พยายามใส่ใจรับรู้ปัญหาเศรษฐกิจที่แท้จริงในด้านต่างๆ ซึ่งย่อมก่อให้เกิดความผิดพลาดในการกำหนดนโยบายทั้งมหภาค และรายประเภทธุรกิจ ส่งผลให้การจัดสรรงบประมาณรายจ่ายแก่หน่วยงานและโครงการจำนวนมากกลายเป็นความสูญเปล่า และสูญเสียอย่างน่าเสียดาย รวมทั้งการปฏิบัติหน้าที่ของฝ่ายราชการในกรอบของภาวะ "อำนาจนิยม" ย่อมเป็นไปอย่างขาดประสิทธิภาพ และไม่ใส่ใจที่จะทำงานสนับสนุนภาคเอกชน และภาคประชาชนอย่างเต็มความสามารถ และบ่อยครั้งกระทำตนเป็นอุปสรรคเสียเอง แทนที่จะเป็นผู้แก้ไขปัญหา
การสร้างภาพปิดบังความจริง และพยายามถมเงินงบประมาณจำนวนมากมาย ด้วยเงินกู้ที่มากเป็นประวัติการณ์ตลอดหลายปีงบประมาณที่ผ่าน แม้จะดูเหมือนสามารถส่งผลดี แต่ก็เป็นผลได้ในระยะสั้นๆ เท่านั้น จนขณะนี้เป็นที่ชัดเจนในความรับรู้โดยทั่วไปแล้วว่าไม่สามารถช่วยให้อะไรดีขึ้นได้อย่างยั่งยืน
การเร่งคืนประชาธิปไตย โดยจัดให้มีการเลือกตั้งที่บริสุทธิ์ยุติธรรม จะเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่จะทำให้สังคมโลกเชื่อมั่นยอมรับ และกลับมาทำงานร่วมมือ ทางเศรษฐกิจกับประเทศไทยอีก
ทีมเศรษฐกิจของรัฐบาล ควรรักประเทศ รักประชาชนมากกว่าเพียงห่วงเก้าอี้ ที่นั่งมานาน แต่ยิ่งทำงานยิ่งทรุดลงอย่างที่เป็นอยู่ การเสนอตัวผ่านการจัดตั้งพรรคการเมืองของสมาชิกหลายท่านในทีมเศรษฐกิจของรัฐบาลก็เป็นสิทธิที่พึงกระทำได้หากมั่นใจในความสามารถของตน แต่อย่าลืมว่าสิทธิในการหย่อนบัตรเป็นสิทธิของประชาชน ความพยายามจะให้ได้ชัยชนะด้วยวิธีการอันน่าสงสัยในการเอาเปรียบพรรคการเมืองอื่นที่เสนอตัวทำงานให้ประชาชน รังแต่จะทำลายตนทั้งในขณะที่ยังอยู่ในหน้าที่ และต่อเนื่องไปในอนาคต หากได้รับชัยชนะอย่างไม่ใสสะอาด ทั้งจากกติกาตามรัฐธรรมนูญ และจากการปฏิบัติของเจ้าหน้าของรัฐ
สงสารเห็นใจประชาชนไทยบ้าง
กิตติรัตน์ ณ ระนอง
หัวหน้าทีมเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น