ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชาย ดร.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความผ่านเครือข่ายสังคมออนไลน์ โดยมีเนื้อหาดังนี้
ฉิบหายแล้ว..คลิปหลุด!!
คือคำอุทานแรกของผม เมื่อได้ทราบเรื่องนี้ครับ..!!
แต่เมื่อได้เห็นคลิปจากเว็ปไซต์ข่าวต่างๆ และได้สอบถามข้อมูลมาพอสมควร บอกได้เลยว่าเรื่องนี้ “ไม่ใช่คลิปหลุดนักการเมืองกับนักกิจกรรม” แบบที่ผู้ประสงค์ร้ายพยายามจะให้เป็น เพราะเรื่องมันใหญ่กว่านั้นเยอะครับ..!!
ถ้าเป็นคลิปหลุดทั่วไป จะไม่มีการตามสะกดรอยถ่าย ตั้งแต่ร้านอาหาร ลานจอดรถ ไปจนถึงตั้งกล้องรอในห้องของโรงแรม แถมด้วยพนักงานเช็คอินจัดให้เข้าห้องตรงกับที่ตั้งกล้องเอาไว้อีก จะมีสักกี่หน่วยงานกัน ที่มีขีดความสามารถทำได้ขนาดนั้น..
เอาแค่การตั้งกล้องรอตามจุดต่างๆ ซึ่งไม่มีใครล่วงรู้ว่าเป้าหมายจะไปที่แห่งใด เนื่องจากเป็นการพูดคุยนัดหมายกันทางโทรศัพท์ และพิมพ์แชทส่งกันผ่านแอพพลิเคชั่นในมือถือ ซึ่งรู้กันเพียงแค่ 2 คนเท่านั้น..!! ผู้กระทำการเตรียมการถูกจุดเป๊ะๆ ได้อย่างไร..??
ผมเชื่อว่า นี่คือการจงใจล้วงความลับ ด้วยการวางแผนกันมาอย่างดี โดยอาจจะใช้อุปกรณ์สอดแนม แบบที่เราเห็นในหนังจารกรรมก็ได้ และคิดว่าบุคคลธรรมดา หรือแม้กระทั่งนักสืบมืออาชีพทั้งประเทศไทย ก็ไม่น่าจะสามารถทำได้
จุดประสงค์ในการกระทำครั้งนี้ คงเป็นอื่นไปไม่ได้ นอกจากตั้งใจจะรังแกผู้หญิงคนหนึ่ง ด้วยการทำให้อับอาย ผู้หญิงคนนี้จะได้เลิกออกมาเคลื่อนไหว ในสิ่งที่ใครบางคนไม่ต้องการให้เกิดขึ้น แถมด้วยการทำลายความน่าเชื่อถือของฝ่ายชายซึ่งอยู่ในพรรคการเมืองซีกประชาธิปไตยที่ไม่เอาเผด็จการฯ ด้วย
ยิ่งนักการเมืองผู้นี้บ่นอยู่เสมอว่าโดนสะกดรอยตาม โดยครั้งหนึ่งเคยโดนชายผมเกรียน ขับรถตามสะกดรอย และดักทำร้ายร่างกายตอนที่กำลังเดินออกจากสนามฟุตบอล เป็นข่าวใหญ่เกรียวกราวมาแล้ว ใครหนอเป็นคนทำ..ช่างน่าสงสัยจริงๆ
นักการเมืองในระบอบประชาธิปไตยที่ผ่านมา มีแค่แนวทางทางการเมืองไม่ตรงกัน ทะเลาะกันบ้าง ขัดแย้งกันบ้าง แต่ก็ไม่เคยมีใครเล่นกันแรงกันขนาดนี้นะครับ โดยเฉพาะการกระทำที่ไม่ให้เกียรติผู้หญิงแบบนี้ “ไม่แมน” เลย
คำถาม..ที่ประชาชนอย่างพวกเรา ควรได้รับคำตอบก็คือ เรื่องที่เป็นความลับส่วนบุคคล ความเชื่อมั่นว่าข้อมูลข่าวสารที่เราส่งถึงกันไม่รั่วไหล ความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวในอาคารสถานที่ต่างๆในประเทศไทย ยังมีความปลอดภัยได้มาตรฐานอยู่หรือไม่..??
และที่สำคัญ อุปกรณ์เครื่องไม้เครื่องมือต่างๆ ที่ใช้ในการสอดแนม ดักฟัง ล้วงความลับ อ่านแชทของชาวบ้าน ล้วงข้อมูลในมือถือ ซึ่งในรัฐบาลก่อนๆ เคยเป็นของผิดกฎหมาย เดี๋ยวนี้มันถูกกฎหมายแล้วหรือ? มีใช้ในประเทศเราแล้วหรือยัง?
ประชาชนมีสิทธิ์จะถามไหม?
เป็นอีกเหตุหนึ่งที่นักลงทุนต่างชาติไม่มาลงทุนในประเทศเรา
ตอบลบ