ร.ต.อ.วัฒนรักษ์ สุรนาทยุทธ์ รองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า จากรายงานของกรมควบคุมมลพิษ ตรวจวัดค่า PM2.5 พบค่าระหว่าง 44-103 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ซึ่งสูงเกินมาตรฐาน จนน่าตกใจและเป็นอันตรายต่อสุขภาพ โดยตรวจพบในพื้นที่ 13 เขต อาทิ เขตดินแดง เขตวังทองหลาง เขตบางกะปิ เขตบางนา เขตบางขุนเทียน เขตธนบุรี อ.เมืองนครปฐม อ.เมืองสมุทรปราการ และอ.สมุทรสาคร โดยปัญหาฝุ่นละออง มักจะเกิดในเมืองใหญ่และส่งผลกระทบให้เกิดโรคในระบบทางเดินหายใจ หัวใจ และหลอดเลือด โดยฝุ่นละอองเหล่านี้เป็นตัวนำสารพิษอันตราย เช่น แคดเมียม ปรอทโลหะหนัก และสารก่อมะเร็งทั้งหลาย ผ่านเข้าไปในกระแสเลือด ปัญหาหมอกควันพิษนี้ มักจะเกิดขึ้นในช่วงฤดูหนาว เนื่องจากสภาพอากาศมีหมอกปิด ทำให้แสงอาทิตย์ส่องไม่ถึงพื้น ฝุ่นละอองจึงสะสมเพราะรังสีความร้อนไม่สามารถแผ่ไปถึงพอที่จะผลักให้ลอยขึ้นได้
ร.ต.อ.วัฒนรักษ์ กล่าวต่อว่า ฝุนละอองเหล่านี้มีขนาดเล็กว่า 2.5 ไมครอน จนแทบจะมองไม่เห็นด้วยตาเปล่า ดังนั้น เด็ก ผู้สูงอายุ และผู้ป่วยโรคระบบทางเดินหายใจ ควรหลีกเลี่ยงกิจกรรมในบริเวณที่มีหมอกควันหนาแน่น หากหลีกเลี่ยงไม่ได้ควรสวมหน้ากากหรือใส่ผ้าปิดจมูก หากมีอาการผิดปกติควรรีบพบแพทย์ โดยละอองหมอกควันพิษเหล่านี้เกิดขึ้นจากการเผาไหม้ของเครื่องยนต์ และการก่อสร้าง ดังนั้นคนไทยทุกคนต้องช่วยกันผลักดันให้เกิดการบัญญัติมาตรการเพื่อแก้ไขปัญหาที่เกี่ยวข้องดังนี้
1. ต้องมีการตรวจสอบ จับ ปรับ รถที่ปล่อยควันขาวและควันดำ อย่างจริงจังจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
2. แก้ไขถนนและซอยในเมืองขนาดใหญ่ที่ยังเป็นดินด้วยการเทปูนอย่างเร่งด่วน
3. ตั้งมาตรการควบคุมผู้ประกอบการก่อสร้าง ให้ควบคุมค่า PM2.5 ไม่ให้สูงเกินกว่ามาตรฐานที่กำหนด หากมีการกระทำความผิดต้องระงับการก่อสร้าง จนกว่าจะสามารถแก้ไขปัญหาได้ อาทิเช่น กำหนดให้หน่วยงานก่อสร้างต้องทำการล้างฝุ่นบนถนนตลอดวัน เพื่อลดการเกิดฝุ่นละออง
4. รถบรรทุกขนดิน ขนทราย และวัสดุก่อสร้างต่างๆ ต้องปฏิบัติตาม พรบ.ส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม แห่งชาติ อย่างเคร่งครัด
5.ภาครัฐกับภาคเอกชนต้องช่วยกันเฝ้าระวัง บริษัทที่ดำเนินกิจการที่เป็นแหล่งกำเนิดฝุ่น เช่น โรงงานหิน โรงงานทราย โรงงานปูน แท่นหัวเจาะ สถานที่ขนส่งวัสดุต่างๆ โดยกำหนดให้มีเครื่องดูดฝุ่นขนาดใหญ่ หรือติดพัดลมไอน้ำ เพื่อลดปริมาณฝุ่นละอองให้น้อยลง
ดังนั้นรัฐจึงควรเร่งหามาตรการเพื่อให้คนกรุงได้มีสุขภาพที่ดีเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นกว่านี้ ดังเช่นพรรคเพื่อไทยในอดีตกว่า 17 ปี ที่ตระหนักเสมอว่า หัวใจคือประชาชน และทางพรรคได้แสดงให้ประชาชนเห็นมาโดยตลอดว่า คิดเป็น ทำเป็น และทำสำเร็จ ตลอดมา อีกทั้งเราพร้อมจะแก้ไขทุกปัญหาให้กับประชาชนคนไทย ร.ต.อ.วัฒนรักษ์ กล่าว
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น