นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด คณะทำงานสื่อสารการเมืองพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณี ปัญหามลพิษทางอากาศ ฝุ่นละอองจิ๋วหรือ PM 2.5 ที่ปกคลุมไปทั่วกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ส่งผลกระทบต่อสุขภาพโดยเฉพาะอย่างยิ่งระบบทางเดินหายใจของประชาชน ว่า นักวิชาการบางส่วนมองปัญหาฝุ่นละอองเข้าขั้นวิกฤติแล้ว พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคสช.กลับทำได้แค่การบอกว่ารับรู้ปัญหา แต่เลือกไปเดินสายจัดอีเวนต์ทางการเมือง ทำบุญไหว้พระ ใช้โอกาสไปในการวิพากษ์วิจารณ์ผลงานของรัฐบาลเก่า ไม่รู้ว่าลงพื้นที่ไปไปติดตามงานหรือไปหาเสียงช่วงโค้งสุดท้ายก่อนการเลือกตั้งกันแน่ จะจัดครม.สัญจร ก็ทำเท่าที่จำเป็น รีบประชุม รีบแก้ปัญหา ลด ละ อีเวนต์ทางการเมืองที่ไม่ใช่สาระการแก้ปัญหาลง ไม่ใช่เดินสายวิพากษ์วิจารณ์ผลงานของรัฐบาลเก่า เช่น ไปพูดถึงนโยบาย 30 บาทรักษาทุกโรค เข้ามาแก้ปัญหา 30 บาท โดยหาเงินกองกลางไปจ่ายค่าหมอพยาบาลที่ค้างไว้เป็นปีๆนั้น ถ้าไม่ต้องการดิสเครดิตผลงานรัฐบาลก่อน ไม่รู้ท่านจะบ่นทำไม เพราะท่านอาสาเข้ามาทำหน้าที่นี้เอง ไม่มีใครบังคับให้ท่านมา อยู่มา 5 ปี มีมาตรา 44 เป็นเครื่องมือ ไม่มีฝ่ายค้านแม้แต่คนเดียว ลองมองไปรอบๆสำรวจดูว่า มีผลงานหรือนโยบายอะไรประสบความสำเร็จเทียบเท่านโยบาย 30 บาทรักษาทุกโรค ที่องค์กรอนามัยโลกและองค์กรระดับนานาชาติได้ชื่นชม กลายเป็นโมเดลต้นแบบระดับโลกที่นำไปปฏิบัติใช้แพร่หลายไปแล้ว ดังนั้นไม่ว่าใครจะโจมตีบิดเบือนอย่างไรก็ไม่ระคายผิว ขอเสนอแนะพลเอกประยุทธ์ ให้แก้ปัญหาอย่างสร้างสรรค์ อย่าบ่นทุกเรื่อง ปัญหาฝุ่นละออง ท่านจะปล่อยให้เป็นเรื่องของกรุงเทพมหานครเพียงฝ่ายเดียวไม่ได้แล้ว แต่ท่านควรมาปักหลักแก้ปัญหามลพิษทางอากาศ ที่ส่งผลกระทบไปทั่วกรุงเทพมหานครและปริมณฑล มากกว่าเดินสายจัดอีเวนต์ทางการเมือง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น