นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคไทยรักษาชาติ เดินทางมายื่นหนังสือร้องต่อ กกต. เพื่อให้ กกต. พิจารณาไม่ประกาศรายชื่อพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ตามแบบ ส.ส. 4/31 เนื่องจากพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นบุคคลที่ได้รับการเสนอชื่อจากพรรคพลังประชารัฐ โดยไม่เป็นไปตามข้อบังคับพรรค และเป็นบุคคลที่มีลักษณะต้องห้ามที่จะเป็นนายกรัฐมนตรี ตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ มาตรา 160 (6) ประกอบมาตรา 98 (3) (12) และ (15) ซึ่งโดยบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ มาตรา 89 วรรคสอง ให้ถือว่าไม่มีการเสนอชื่อบุคคลนั้น
นายเรืองไกร กล่าวว่า “การที่พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา รับยินยอมลงนามเป็นบัญชีรายชื่อนายกรัฐมนตรีของพรรคพลังประชารัฐ การยื่นบัญชีรายชื่อนั้น พลเอกประยุทธ์ต้องลงนามในแบบ ส.ส. 4/30 พี่น้องสื่อมวลชนเห็นแล้วเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา แต่ที่พี่น้องสื่อมวลชนไม่เห็นก็คือ ส.ส. 4/29 ซึ่งเป็นแบบอยู่ในท้ายระเบียบ ในแบบ ส.ส. 4/29 นั้น บรรทัดสุดท้ายที่ นายอุตตม สาวนายน เซ็นรับรองได้อ้างถึงข้อบังคับของพรรคพลังประชารัฐไว้ด้วย ทีนี้ข้อบังคับของพรรคพลังประชารัฐระบุว่าการเสนอชื่อบุคคลเป็นบัญชีนายกรัฐมนตรีต่อสภาผู้แทนราษฎรนั้น เขียนต่างจากพรรคไทยรักษาชาติ พรรคเพื่อไทย โดยเขียนว่าให้กรรมการสมาชิกตัวแทนเสนอโดยมีหนังสือยินยอมก่อนที่กรรมการจะพิจารณา ตามตัวหนังสือข้อ 91 และข้อ 92 แต่ข้อเท็จจริงที่ปรากฏต่อสื่อมวลชนที่เป็นสารจากนายกรัฐมนตรี ไม่ได้ทำหนังสือยินยอมก่อน ท่านทำทีหลัง ทางพรรคพลังประชารัฐได้ประชุมเรื่องถามรายชื่อขึ้นมาคือ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ และนายอุตตม สาวนายน แล้วในที่สุดก็เหลือชื่อ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เพียงชื่อเดียว แล้วก็มายื่นเมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา การเสนอชื่อ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา อยู่ในบัญชีนายกของพรรคพลังประชารัฐ อาจจะไม่ชอบด้วยข้อบังคับ จึงต้องมาให้เขาก็ต่อทำการตรวจสอบ ถ้าไม่เป็นไปตามข้อบังคับ ทั้งข้อบังคับพรรคพลังประชารัฐ ทั้งกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญและตัวรัฐธรรมนูญเอง ให้ถือว่าไม่มีการเสนอชื่อ ขอยืนยันว่าในกรณีนี้เป็นอำนาจของกกต.ตรวจสอบได้”
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น