วันอาทิตย์ที่ 10 มีนาคม พ.ศ. 2562

“เพื่อไทย” แถลงนโยบายขับเคลื่อนเศรษฐกิจ พร้อมประกาศ “เอาลุงคืนไป เอาเงินในกระเป๋าคืนมา”


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 10.15น. ที่ผ่านมา พรรคเพื่อไทย นำโดยแกนนำพรรค อาทิ 3 แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ นายชัยเกษม นิติสิริ พร้อมด้วย พล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์ หัวหน้าพรรค นายภูมิธรรม เวชยชัย เลขาธิการพรรคเพื่อไทย นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง และ นายวิชาญ มีนชัยนันท์ ได้แถลงข่าวต่อสื่อมวลชน โดยมีเนื้อหาดังนี้

เกือบ 5 ปีที่ผ่านมา ประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศอยู่ในสภาพลำบาก เศรษฐกิจแย่มาก ค้าขายลำบาก หนี้สินท่วมหัว

รัฐบาลพลเอกประยุทธ์ได้ใช้งบประมาณสูงถึง 11.43 ล้านล้านบาท และถ้ารวมงบประมาณปี 2562 ไปด้วย ก็จะสูงถึง 14.32 ล้านล้านบาท (ซึ่งได้ใช้ไปแล้วเกือบ  1.35  ล้านล้านบาทหรือ  45.2% เกือบครึ่งถูกใช้ไปโดย รัฐบาลพลเอกประยุทธ์แล้ว)  ดังนั้นตัวเลขที่รัฐบาลพลเอกประยุทธ ใช้งบประมาณไปแล้วรวม 12.78  ล้านล้านบาท 

เกือบ 5 ปีที่ผ่านมา พลเอกประยุทธ์ได้ใช้เงินเกินรายได้ของรัฐบาลไปกว่า 2.38 ล้านล้านบาท
ส่งผลให้หนี้ประเทศเพิ่มขึ้นสูงถึง 2.2 ล้านล้านบาท

ใช้เงินไปมหาศาลขนาดนี้  ทำไมคนไทยส่วนใหญ่ของประเทศ  กับรายได้ลดลง  ยากจนมากขึ้นและมีหนี้สินท่วมหัว

ตามตัวเลขของธนาคารแห่งประเทศไทย
1. หนี้ครัวเรือนเพิ่มขึ้น 2 ล้านล้าน
2. หนี้ธุรกิจ ยังเพิ่มจากการค้าขายที่ฝืดเคือง หนี้เสีย SME เพิ่มขึ้น 9.5 หมื่นล้านล้านบาท 
3. หนี้เกษตรกรเพิ่มขึ้น 2.44 ล้านล้านบาท
จนอดีตรัฐมนตรีของรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ที่ออกมาเป็น รองหัวหน้าพรรคการเมือง  ออกมายอมรับว่าเองว่า  “คนจนจะอดตายอยู่แล้ว”

ที่สำคัญคือ  เป็นความทุกข์ของประชาชนที่เกิดขึ้นนี้ รัฐบาลพลเอกประยุทธ์พยายามปฏิเสธว่าไม่เป็นความจริง 
แต่ตัวเลขของธนาคารแห่งประเทศไทย  สะท้อนความจริง 
ฟ้องให้เห็นความล้มเหลวในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ
ที่รายได้คนไทยเพิ่มน้อยกว่า การเติบโตของเศรษฐกิจ

จึงเป็นการเติบโตแต่หัว  ทิ้งคนไทยส่วนใหญ่ ให้ยากจน
“เกิดภาวะ รวยกระจุก  จนกระจาย”  คนรวยรวยมากขึ้นแต่คนส่วนใหญ่ของประเทศกลับยากจนลง

รัฐบาลพลเอกประยุทธ์ ไม่สามารถเพิ่มรายได้ให้คนไทยอย่างแท้จริงในช่วงเกือบ 5 ปีที่ผ่านมา จึงเลือกใช้วิธีง่ายๆ  เฉพาะหน้าคือการแจกเงิน  ซึ่งก็มาแจก ตรงกับช่วงหาเสียงพอดี

พรรคเพื่อไทยจะไม่ ปล่อยให้ประชาชนต้องเผชิญกับความทุกข์ทางเศรษฐกิจโดยลำพังอีกต่อไป  เราต้องเร่งทวงคืนเงินในกระเป๋าออกให้คนไทย

เราจะ พลิกฟื้นเศรษฐกิจทั้งระบบ  ด้วยการบริหารจัดการอย่างมืออาชีพ  ใช้งบประมาณน้อย  แต่ประชาชนได้ผลประโยชน์มาก

เราจะไม่คิดอะไรง่ายๆสั้นๆ ก่อหนี้มหาศาลให้ประเทศ  เราจะรดน้ำที่ราก ให้ลำต้นและใบเติบโตได้อย่างแข็งแรงยั่งยืน

โดยการเติมทุนให้คนตัวเล็ก ไม่ใช่แค่แจกเงินเพื่อหวังผลระยะสั้น  หรือขึ้นภาษีผลักภาระให้ประชาชน  เราจะแก้หนี้ด้วยรายได้

เราต้องรวมพลังคนไทยทั้งประเทศ ให้ “เมืองช่วยชนบท”  และ “ชนบทช่วยเมือง” 
สร้างสมดุลทางเศรษฐกิจไม่ให้เหลื่อมล้ำอย่าง 4-5 ปีที่ผ่านมาด้วย  “นโยบาย ปรับหนี้ เติมเงิน  ลดภาษี  สร้างเศรษฐีใหม่”

1. ปรับโครงสร้างหนี้ครั้งใหญ่ให้ธุรกิจขนาดเล็ก ขนาดกลาง SME รวมทั้งหนี้ของประชาชนตัวเล็ก ครูและนักศึกษา , และพักหนี้เกษตรกร 3 ปี
2. เติมเงินเพื่อเพิ่มกำลังซื้อ
- ปรับเงินเดือน ป.ตรี ขึ้นเพราะเงินเดือนพนักงานไม่ได้ขึ้นมากว่า 7 ปีแล้ว
- ขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ  โดยขึ้นเป็นขั้นเป็นตอนและมีมาตรการที่ช่วยนายจ้างไม่ให้ได้รับผลกระทบ เพราะค่าแรงขณะนี้ต่ำกว่ารายจ่าย
- ราคาสินค้าเกษตรเพิ่มทุกตัว
     ข้าว 12,000 บาท/ เกวียน
     ยาง 60 บาท/ กิโล
     อ้อย 1,000 บาท/ ตัน

3. ลดภาษี
- ลดภาษีน้ำมัน เพื่อลดต้นทุนการผลิตและค่าครองชีพ
- ลดภาษีเงินได้ของธุรกิจขนาดเล็ก ขนาดกลาง
- ให้สิทธิพิเศษนอก EEC กับ SME ออนไลน์และ Start Up

เพิ่มรายได้ให้ประชาชนตัวเล็ก เพื่อเพิ่มกำลังซื้อของประเทศ
ยกเศรษฐกิจทั้งฐาน  (คนตัวเล็กมีกำลังซื้อ ร้านขายสินค้าก็คึกคักขายดี เจ้าของโรงงานก็ไม่เจ๊ง)

ประสบการณ์ 17 ปีตั้งแต่ไทยรักไทย เราสามารถทำให้เศรษฐกิจของประเทศดีได้ทุกครั้ง ที่มาบริหารประเทศไม่ว่าเศรษฐกิจจะวิกฤตขนาดไหน หลังต้มยำกุ้งเราฟื้นเศรษฐกิจได้อย่างรวดเร็วใช้หนี้ IMF ได้ก่อนกำหนด

วันนี้พรรคการเมือง หลายพรรคออกมาให้สัญญากับประชาชน  ถือเป็นโอกาสดีของประชาชนที่จะตัดสินว่า
ใคร “ไม่เคยทำได้ตามสัญญา”
ใคร “ดีแต่พูด”
ใคร “ให้คำสัญญาที่ทำได้จริง”
24 มีนาคมพี่น้องคนไทย  จะได้มีโอกาสตัดสินใจเลือกอนาคตของตัวเอง 
ว่าจะอยู่กับลุงต่อไปอีก 4 ปี
หรือจะเอาลุงคืนไป เอาเงินในกระเป๋ากลับคืนมา

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น