ที่พรรคเพื่อไทย พล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย พร้อมด้วย นายชัยเกษม นิติสิริ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีในบัญชีพรรค , นายภูมิธรรม เวชยชัย เลขาธิการพรรค นายชูศักดิ์ ศิรินิล ประธานคณะทำงานด้านกฎหมายพรรค นางลดาวัลลิ์ วงศ์ศรีวงศ์ โฆษกพรรค ร่วมแถลงท่าทีพรรคเพื่อไทยต่อการคำนวณสูตร ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์
โดย พล.ต.ท.วิโรจน์ กล่าวว่า เพื่อไทยยังมีความไม่สบายใจเรื่องการคิดสูตร ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ ที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กำลังดำเนินการพรรคได้ทำหนังสือไปยัง กกต.ทุกท่านเพื่อย้ำท่าที และความเป็นห่วงต่อการคิดคำนวนที่ยังเป็นปัญหาอยู่ขณะนี้
ด้าน นายชูศักดิ์ กล่าวว่า วันนี้ 7 พ.ค.พรรคได้ทำหนังสือถึง กกต.เป็นรายบุคคล ตั้งแต่ประธาน กกต.และคณะ กตต.เพื่อต้องการให้ กกต.ทั้งหมด รับรู้รับทราบความเห็นของพรรคเพื่อไทย โดยมีสาระสำคัญคือเน้นย้ำหนังสือที่พรรคเคยทำไปถึงประธาน กกต.เมื่อวันที่ 10 เม.ย.ที่เน้นย้ำพรรคย้ำสูตร ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ ที่เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ และกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง และได้แนบสูตรที่พรรคได้คำนวณว่าพรรคใกบางที่ควรได้รับคะแนน
"พรรคยืนยันว่า วิธีการคิดคำนวณตามบทบัญัติรัฐธรรมนูญ มาตรา 91 และ พ.ร.ป.ประกอบมาตรา128 ที่กำหนดไว้ว่า พรรคการเมืองที่จะได้รับการจัดสรร ส.ส.บัญชีรายชื่อนั้น ต้องมีจำนวน ส.ส.ได้เกินจำนวนสมาชิก ส.ส.ที่พึ่งจะมีได้ตามรัฐธรรมนูญ ซึ่งมีความหมายว่าพรรคการเมืองใดไม่มีจำนวนคะแนนที่ได้รับถึงคะแนนจำนวนที่พึ่งมีได้ พรรคการเมืองนั้นก็จะไม่ได้นับจัดสรรสมาชิก ส.ส.บัญชีรายชื่อได้ นี่คือความชัดเจนในตัวบทกฎหมาย หากท่านจะดำเนินการเกินเลยหรือไม่เป็นไปตามบทบัญัญติ ท่านต้องรับผิดชอบตามกฎหมาย" นายชูศักดิ์ กล่าว
นายชูศักดิ์ ยังกล่าวถึงกรณี ผู้ตรวจแผ่นดินได้มีหนังสือหนังไปงถึงศาลรัฐธรรมนูญให้วินิจฉัยความชอบด้วยรัฐธรรมนูญในกระบวนการสรรหาสมาชิกวุฒิสภา ว่า พรรคหารือได้ข้อสรุปว่า ความจริงพรรคเพื่อไทยได้มีหนังสือไปถึงประธาน กกต.เมื่อวันที่ 23 เม.ย.ที่ผ่านมา เรื่องขอให้ยกเลิกการสรรหา ส.ว.ที่ไม่เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ เรามีหนังสือไปชัดเจนว่าบทบัญญัติรัฐธรรมนูญเขียนว่าให้ คสช.แต่งตั้งคณะกรรมการสรรหาขึ้นมา 1 ชุด มีจำนวนไม่น้อยกว่า 9 คน และไม่เกิน 12 คน แต่งตั้งจากผู้ทรงคุณวุฒิ และมีความเป็นกลางทางการเมือง ที่รัฐธรรมนูญเขียนเช่นนี้เพราะต้องการให้ได้กรรมการที่เป็นกลาง จะได้เลือก ส.ว.อย่างเป็นกลางได้ ผู้ทรงคุณวุฒิจริงๆ แต่เป็นที่ทราบกันดีว่าใครได้เป็นประธานสรรหา และไม่ยอมเปิดเผยชื่อ ส.ว.ขณะกรรมการนี้ได้เสนอชื่อ ส.ว.ไปแล้ว 400 คน เพื่อให้ คสช.เลือกให้เหลือ 194 คน พรรคได้มีการเสนอความเห็นไปแล้วในขณะนั้นว่า การสรรหา ส.ว.เช่นนี้เป็นไปโดยไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ จึงขอให้ กกต.หยิบยกเรื่องนี้มาพิจารณา และยกเลิกการสรรหาที่ไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ ขณะนี้มีการมีการนำเรื่องดังกล่าวไปสู่ศาลรัฐธรรมนูญ พรรคจึงขอย้ำเรื่องดังกล่าวว่า เคยมีหนังสือทักท้วงไปแล้ว และขอให้ กกต.นำเรื่องดังกล่าวมาพิจารณาโดยด่วน
เมื่อถามว่า มองอย่างไรกรณีที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) ลาออกไปเป็น ส.ว.นั้น นายชูศักดิ์ กล่าวว่า เป็นเรื่องที่ชัดเจนแล้วว่าทำไมกฎหมายรัฐธรรมนูญจึงเขียนให้คณะกรรมการสรรหา ส.ว.เป็นกลางทางการเมืองนั้น เพราะผู้ร่างต้องการได้ ส.ว.เป็นกลางอย่างแท้จริง แต่ประธานคณะกรรมการสรรหา ส.ว.คือ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ซึ่งเป็นหนึ่งใน คสช.ดังนั้น กระบวนการสรรหาดังกล่าวกลับไปสืบทอดอำนาจ อยากได้คนจำนวนหนึ่งเข้ามาทำหน้าที่เลือกนายกฯ ร่วมกับ ส.ส.ในสภา ก็เหมือนอย่างที่เคยพูดไปว่าเป็นการชงกินเอง
ด้าน นายภูมิธรรม กล่าวว่า เราไม่อยากเห็นประเทศเดินไปในทิศทางที่ไปขึ้นกับประโยชน์ของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง โดยใช้อำนาจที่ตัวเองมีไปผลักดันให้เกิดประโยชน์แก่ฝ่ายตน เรื่อง ส.ว.กฎหมายได้กำหนดไว้ชัดเจน ดังนั้น เราจึงไม่เห็นด้วยที่จะมีใครมากำหนดองค์ประกอบของ ส.ว.โดยไม่ทำตามกฎหมาย เพื่อให้คนหรือพรรคพวกของตนสามารถมากำหนดทิศทางประเทศตามที่ตัวเองปรารถนา ซึ่งเราอยากให้ยึดมั่นในดุลยพินิจของพี่น้องประชาชนที่เขาแสดงออกผ่านการเลือกตั้ง วันนี้รัฐบาลทำอะไรไม่โปร่งใส แม้กระทั่งการกำหนดตัวคณะกรรมการในการพิจารณาคัดเลือก ส.ว.ที่ควรจะมีความชัดเจน ก็อ้ำอึ้งจนทำให้เกิดความแคลงใจ เราเพียงอยากเห็นทุกอย่างเดินไปตามครรลองเพื่อเป็นทางออกของประเทศ
เมื่อถามว่า ยังมีเชื่อมั่นในพรรคการเมืองที่ร่วมลงสัตยบรรณหรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า เชื่อมั่นในการจับมือกันของพรรคฝ่ายประชาธิปไตยทำประเทศให้หลุดพ้น และที่จะป้องกันการสืบทอดอำนาจ แต่สิ่งที่จะต้องสู้คือพี่น้องประชาชนต้องช่วยจับตาดู อย่าให้มีใครใช้เงินหรือใช้กระบวนการนอกระบบสร้างงูเห่าให้เกิดขึ้น เพราะถือเป็นความน่าอัปยศที่สุด เท่าที่ได้พูดคุยทุกพรรคยังมั่นคงและแข็งแรง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น