ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายภูมิธรรม เวชยชัย โพสต์ข้อความรำลึก 21 ปี พรรคไทยรักไทย ผ่านเครือข่ายสังคมออนไลน์ โดยมีเนื้อหาดังนี้
รำลึก 21 ปี พรรคไทยรักไทย……
วันที่ 14 ก.ค.2541 ดร.ทักษิณ ชินวัตร กับคณะบุคคลที่อยากเห็นการเมืองที่ดี การเมืองที่ใช้มืออาชีพทำงาน ใช้คนทุกภาคส่วนช่วยกันสร้างและผลักดัน ให้เกิดการเมืองที่มีคุณภาพใหม่ในนาม…”พรรคไทยรักไทย”
พรรคไทยรักไทย…ถือกำเนิดขึ้นภายใต้ รธน’40 ซึ่งนับเป็น รธน.ฉบับประชาชน ที่ได้รับการยอมรับว่ามีความเป็นปชต.มากที่สุด ฉบับหนึ่งเท่าที่เราเคยมีมา อันมีที่มาจากความล้มเหลวของระบบการเมืองเดิมที่พยายามจะสร้างความอ่อนแอให้กับพรรคการเมือง ทำให้การบริหารประเทศมีความยากลำบาก เนื่องจากรัฐบาลไม่มีเสถียรภาพ
ภายใต้รธน.ที่มีความเป็นปชต.มากที่สุดในขณะนั้นพรรคไทยรักไทยได้พิสูจน์ให้ทุกคนได้เห็นแล้วว่าการมีกติกาที่เป็นประชาธิปไตยและมีหัวใจที่ยึดมั่นประโยชน์ประชาชนและการบริหารประเทศที่สร้างสรรค์กลไกให้เกิดการมีส่วนร่วมของประชาชน เช่น กองทุนหมู่บ้าน กองทุน SML OTOP ฯลฯ มาร่วมมือกันพัฒนา เกิดศักยภาพในการเรียนรู้และการจัดการ กลไกเหล่านี้สามารถนำพาประโยชน์และความผาสุขมาสู่พี่น้องประชาชน ทำให้ชีวิตของ ประชาชนดียิ่งๆ ขึ้นกว่าเดิมรวมถึงสามารถสร้างกระบวนคิด และเกิดแนวทาง “ลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ ขยายโอกาส”ให้ประชาชนเกิดการรวมตัว สร้างแนวทางการบริหารจัดการที่สอดคล้องกับชุมชน สะสมประสบการณ์และต้นทุนชีวิตเพื่อความมั่นคงในชีวิตอย่างที่รัฐบาลอื่นๆ ไม่อาจทำให้ได้
“รัฐธรรมนูญ 40” ถูกฉีกทำลายโดยกลุ่มบุคคลที่นิยมระบบอำนาจนิยม ไม่เชื่อมั่นในสิทธิเสรีภาพของประชาชน กลับร่าง รธน.ใหม่ เพื่อใช้เป็นเครื่องมือให้ฝ่ายที่นิยมเผด็จการ และทำให้โครงสร้างอำนาจกลับไปเป็นรัฐราชการ มิใช่รัฐที่มีประชาชนเป็นศูนย์กลางอย่างแท้จริง
ในวาระโอกาสครบรอบ21ปีไทยรักไทย…จึงถือเป็นโอกาสที่ได้รำลึกถึงพรรคการเมืองหนึ่งซึ่งได้สร้างความเปลี่ยนแปลงให้เกิดขึ้นกับระบบการเมืองไทยมากมายและยิ่งทำให้ ต้องตั้งคำถามกับสภาพการเมืองในปัจจุบันภายหลังการล้มล้างรัฐบาล”ไทยรักไทย” ไปนานกว่า21ปีมาแล้ว ว่าสถานการณ์ของบ้านเมือง ชีวิตความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชน และความเชื่อมั่นต่อสากลโลก เป็นอย่างไรบ้าง
สถานการณ์ที่เป็นอยู่กันวันนี้ ชี้ให้เห็นความผิดพลาดอย่างยิ่งในการพยายามทำให้ระบบการเมืองไทยย้อนยุคกลับไปเหมือนสภาพแบบการเมืองในอดีตที่ล้มเหลวและสร้างความเสียหายให้ประเทศตลอดมา
นี่จึงเป็นที่มาให้บรรดาพรรคการเมืองต่างๆ และพี่น้องคนไทย เรียกร้องให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับนี้ซึ่งปกป้องผู้นิยมอำนาจเผด็จการ ขาดเจตนารมณ์แท้จริงในการกระทำเพื่อตอบสนองประโยชน์และความต้องการแท้จริงของประชาชน การมีรธน. ที่เต็มไปด้วยกับดักอำนาจ ทำให้ประชาชนกลายเป็นตัวประกันของรัฐบาล นำพาประเทศถอยหลังไปสู่ความไร้เสถียรภาพ ขาดการรวมศูนย์ในการแก้ปัญหาให้ประชาชน สร้างผลกระทบมากมายต่อปัญหาทางเศรษฐกิจ สังคม และความมั่นคงในชีวิตของประชาชน ที่สำคัญเกียรติภูมิประเทศก็จะตกต่ำลงทุกขณะ
“ได้เวลาทวงคืนรัฐธรรมนูญที่เป็นประชาธิปไตยเพื่อคืนความปกติสุขกลับสู่สังคมไทยโดยเร็ว แล้วหรือยัง?”
14 กรกฎาคม 62
คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน รำลึก 21 ปี พรรคไทยรักไทย โดยมีเนื้อหาดังนี้
ที่เขื่อนอุบลรัตน์จังหวัดขอนแก่น คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานกรรมการยุทธศาสตร์ พรรคเพื่อไทย กล่าวถึง การอภิปรายแถลงนโยบายต่อรัฐสภาของรัฐบาล โดยพรรคเพื่อไทยจะมีการพูดคุยในวันจันทร์นี้ ซึ่งต้องตีโจทย์ว่าจะมีการแถลงนโยบายในประเด็นใดบ้าง
ซึ่งต้องเรียกร้องให้ รัฐบาลเร่งส่งรายงานคำแถลงนโยบายต่อรัฐสภาโดยเร็ว เพื่อประสิทธิภาพที่จะช่วย คิดช่วยนำเสนอ ในสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชน ขออย่าเล่นเกมดึงเวลาจนถึงช่วงท้ายเพื่อไม่ให้พรรคการเมืองมีเวลาเตรียมตัว
"อะไรที่เป็นนโยบายที่ดีเราจะสนับสนุนร่วมกันคิดร่วมกันทำแต่อะไรที่เป็นนโยบายที่มีข้อบกพร่อง เราก็เห็นแล้ว เช่นเรื่องการแก้ไขภัยแล้งมันบกพร่อง ก็อย่าหาว่าฝ่ายค้านไปโจมตี ขอให้คิดว่าเป็นการเสนอแนะติติงเพื่อให้รัฐบาลใช้เงินน้อยลง ประชาชนเดือดร้อนน้อยลง และแก้ไขปัญหาได้ทันเหตุการณ์"
ดังนั้นรายงานที่จะส่งมายังรัฐสภา ขอให้ดำเนินการโดยเร็ว และพรรคเพื่อไทยจะแบ่ง การอภิปรายเป็นด้านต่างๆ เช่นด้านสวัสดิการของรัฐ ด้านการแก้ไขปัญหาราคาพืชผลทางการเกษตร ด้านเศรษฐกิจ หรือการแก้ไขปัญหาค่าเงินบาท ซึ่งจะอภิปรายด้วยเหตุด้วยผล ขอให้ประชาชนร่วมติดตามและเสนอความคิดเห็น ซึ่งพรรคเพื่อไทยจะเปิดช่องทางให้ประชาชนได้ร่วมคิด ตามสโลแกนของพรรคเพื่อไทยยุคใหม่ "ประชาชนคิดเพื่อไทยทำ" ซึ่งจะเป็นการเปิดช่องทางให้ประชาชนได้ร่วมอภิปรายกับพรรคเพื่อไทยในรัฐสภา
คุณหญิงสุดารัตน์ ยังกล่าวด้วยว่าครบรอบ 21 ปีการยื่นจดทะเบียนพรรคไทยรักไทยจนวันนี้เป็นพรรคเพื่อไทย จิตวิญญาณ ในการดูแลประชาชนยังเป็นเหมือนเดิม แต่จะเปลี่ยนบริบทและแนวคิดจากเดิมที่เคยใช้ราชการเป็นศูนย์กลาง เปลี่ยนเป็นยึดประชาชนเป็นศูนย์กลาง ซึ่งเป็นสิ่งที่ตอบโจทย์ได้ตรงที่สุด โดยเฉพาะในโลกของเทคโนโลยีและวิวัฒนาการต่างๆทำให้เราสามารถสื่อสารได้ตรงกับประชาชนมากขึ้น
ดังนั้นจากนี้ประชาชนจะเข้ามามีส่วนร่วมมากขึ้นแม้แต่ในรัฐสภา สามารถเสนอความคิดเห็น ติติงทั้งฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาลได้เต็มที่ รวมถึงร่วมคิดร่วมกำหนดนโยบายให้พรรคเพื่อไทยนำไปดำเนินการ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น