วันอังคารที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2562

พรรคเพื่อไทย ประกาศยุทธศาสตร์ปฏิรูปพรรค


พรรคเพื่อไทยประกาศปฏิรูปใหญ่ให้เห็นผลเป็นรูปธรรม ด้วยยุทธศาสตร์ “คิดใหม่ ทำไว” ตั้งเป้าหมาย เป็นพรรคแรกที่รู้ปัญหาของประชาชน เป็นพรรคแรกที่มีผู้เชี่ยวชาญเลือกมาช่วยเสนอแนวทางแก้ปัญหา สมาชิกทำงานได้อย่างคล่องตัวพร้อมสื่อสารและลงมือช่วยแก้ปัญหาของประชาชนได้อย่างรวดเร็ว

20 มกราคม 2562 ณ ที่ทำการพรรคเพื่อไทย กรุงเทพ สมาชิกพรรคเพื่อไทย นำโดย นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรค, คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย, น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ เลขาธิการพรรคเพื่อไทย, และ นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ ส.ส. พรรคเพื่อไทย ได้แถลงข่าว ถึงแผนการปฏิรูปพรรค โดยจะปฏิรูปให้มีช่องทางต่างๆเชื่อมโยงกับประชาชนมากขึ้น มีรูปแบบการตั้งคณะทำงานขนาดเล็กเพื่อให้ติดตามประเด็นต่างๆของประชาชนได้คล่องตัวขึ้น และเปิดกว้าง รับคนรุ่นใหม่เข้ามามากขึ้น


นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวในหัวข้อ “new challenge: สถานการณ์ใหม่ เพื่อไทยต้องเปลี่ยน” ว่า หลังการเลือกตั้ง ประชาชนยังไม่อาจคาดหวังใดๆกับรัฐบาล ที่เข้ามาบริหารประเทศในปัจจุบัน ยังมิได้เห็นแนวทางการแก้ไขปัญหาความทุกข์ยากให้พี่น้องประชาชนใหม่ใดๆ การจัดวางตัวบุคคลเข้ามารับหน้าที่ เป็นรัฐมนตรี เพื่อบริหารประเทศ ยิ่งไร้ความหวัง เป็นคนหน้าเดิมๆที่เคยล้มเหลวมาก่อน ในขณะที่ปัจจุบันความท้าทายปัจจัยนอกประเทศเข้ารุมเร้า เศรษฐกิจโลกยังคงมีแนวโน้มที่จะตกต่ำรุนแรงต่อไป ด้วยพิษภัยจากสงครามการค้าระหว่างจีนและสหรัฐ และการพัฒนาและการเจริญเติบโตของเทคโนโลยี ตลอดจนองค์ความรู้ใหม่ๆที่เกิดขึ้นในโลกยุคปัจจุบัน ซึ่งก่อให้เกิดผลตกกระทบที่รุนแรงอาจถึงขั้นบางรัฐล่มสลายและบางรัฐเกิดภาวะการเติบโตแบบก้าวกระโดดขึ้นได้
            
ระบบการบริหารจัดการรัฐ มีทิศทางไปสู่รัฐที่รวมศูนย์อำนาจเป็น “รัฐราชการ” ที่ขาดการรับรู้และขาดการมีส่วนร่วมของคนฝ่ายต่างๆในประเทศ ไม่มีศักยภาพเพียงพอที่จะรับมือวิกฤติการณ์ที่เกิดขึ้นได้ รัฐที่เอาประชาชนเป็นศูนย์กลาง กระจายอำนาจให้ประชาชนต่างหาก ที่คือคำตอบ บริบททางการเมืองใหม่ ต้องสอดคล้องกับโลกที่ใช้ความเร็ว ในการแข่งขัน  ใช้ข้อมูลและฐานความรู้ในการต่อสู้ชิงความได้เปรียบ เสียเปรียบของแต่ละประเทศ  ใช้รูปแบบและองค์ประกอบของเทคโนโลยีมาแข่งขันและเอาชนะกัน ใช้การกระจายอำนาจและการดึงการมีส่วนร่วมของประชาชน เป็นฐานสำเร็จในการทำงาน
            
พรรคเพื่อไทยจึงจะต้องปรับตัวรับมือกับการเปลี่ยนแปลงต่างๆที่เกิดขึ้น ยังต้องยึดมั่น และยืนอยู่บนจุดยืนเดิมที่มั่นคง ที่พรรคเพื่อไทยยึดมั่นมาโดยตลอด คือ  “พรรคเพื่อไทย หัวใจคือประชาชน”


“พรรคเพื่อไทย“ ในฐานะพรรคการเมืองที่ได้รับความไว้วางใจจากประชาชน เป็นอันดับสูงสุด และมี “ผู้แทนประชาชน” มากที่สุดในสภาผู้แทนราษฎร แม้เราจะไม่อาจจัดตั้งรัฐบาลขึ้นมาบริหารประเทศได้ตามเจตนารมณ์ที่พี่น้องประชาชนมุ่งหวัง อันสืบเนื่องมาจากกลไกที่พิสดารที่ถูกตราไว้ในรัฐธรรมนูญปัจจุบัน เราก็จะทำหน้าที่ เป็น “ผู้แทนประชาชนในสภาฯ”อย่างสมศักดิ์ศรีและสมเกียรติยศ ที่ประชาชนมอบหมายให้ เราจึงเป็น ความจำเป็นอย่างยิ่ง ที่จะต้องสร้างความพร้อม เตรียมทุกสรรพกำลัง ให้สามารถรับมือ กับสภาพความท้าทายใหม่ๆที่กำลังเกิดขึ้นให้ได้
            
พรรคเพื่อไทยจึงขอประกาศ 6 สัญญา 4 แนวทาง จากพรรคเพื่อไทย ดังนี้
            
6 สัญญาต่อประชาชนคือ 1.เรายังคงยึดประชาชนเป็นศูนย์กลาง 2.เรายังคงยืนหยัดต่อสู้กับความอยุติธรรมทั้งปวง 3.เรายึดมั่นในระบอบประชาธิปไตย 4.เรายังมุ่งหวังให้เกิดหลักนิติรัฐ นิติธรรม 5.เรายังยึดมั่นที่จะสร้างสังคมที่เคารพในสิทธิเสรีภาพ และการแสดงออกของทุกฝ่ายในสังคม 6.เราอยากเห็นการกินดี อยู่ดี และชีวิตที่ดีขึ้นของคนไทยทุกคน
            
เพื่อบรรลุในเป้าหมายดังกล่าว เราต้องทำตาม 4 แนวทาง คือ          
1. เราต้องปรับวิธีคิด กำหนดวิสัยทัศน์ใหม่ ให้เท่าทันการเปลี่ยนแปลง 2. เราต้องเร่งสร้างวัฒนธรรมการทำงานและการเรียนรู้ในองค์ใหม่ ให้สามารถรับมือกับบริบทต่างๆ ที่เปลี่ยนแปลงไป 3. เราต้องปรับวัฒนธรรมองค์กรใหม่ ให้ตระหนักรู้และเท่าทันต่อการเปลี่ยนแปลงต่างๆที่เกิดขึ้น 4. เราต้องสร้างกลไกและองคาพยพใหม่ ไปรับปรุงตัวเราให้เป็นคนทันสมัย สอดคล้องกับกาลเวลา และเท่าทันการเปลี่ยนแปลง
            
นี่นับเป็นพันธกิจ ที่สำคัญของพรรคเพื่อไทย เราจะขับเคลื่อนทุกองคาพยพ ของเราทั้งหมดไปด้วยกัน ทุกชีวิตยังต้องเดินหน้า และต่อสู้ต่อไป ไม่ว่าสังคมจะซับซ้อน และซ่อนเงื่อนเพียงใด เราจะต่อสู้ และอยู่เคียงข้างประชาชน “พรรคเพื่อไทย……หัวใจคือประชาชน”


คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย กล่าวในหัวข้อ “new culture: วัฒนธรรมองค์กรแบบ Fast-track ทำให้เร็ว พลิกไทยให้ทันโลก” ว่า  ทุกวันนี้โลกมีการเปลี่ยนแปลง มีองค์ความรู้ใหม่ทุกวินาที รัฐบาลของประเทศต่างๆทั่วโลกมีการเตรียมความพร้อมให้ได้ประโยชน์จากการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของโลก แต่เมื่อหันกลับมามองประเทศไทย ตั้งแต่หลังการรัฐประหาร เรากำลังถอยหลังอย่างรวดเร็ว เมื่อเทียบกับ อัตราเร่งให้ทันโลกของประเทศเพื่อนบ้านอื่นๆ ทีมเพื่อไทยจะต้องรับภาระในการกอบกู้ความอยู่ดีมีสุข ของคนไทย สร้างอนาคต และนำศักดิ์ศรีของประเทศไทยกลับคืนมาให้คนไทย เพื่อลูกหลานคนรุ่นใหม่ของเรา จากการทำลายของเผด็จการมากว่า 5 ปีอย่างย่อยยับ
          
ขณะนี้ประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศกำลังเผชิญ กับวิกฤต ภาวะเศรษฐกิจถึงขั้นหายนะ จากสภาวะราคาพืชผลเกษตรตกต่ำมาต่อเนื่องตลอดระยะ 5 ปีของการยึดอำนาจ  ซ้ำด้วยภัยแล้งที่หนักหน่วงมาก  กำลังซื้อคนหาย ร้านค้าเจ๊ง ตลาดเจ๊ง  ท่องเที่ยวทรุด ส่งออกตาย  จากค่าเงินบาท  และสงครามการค้า  การลงทุนใหม่ๆ จากภาคเอกชนน้อย เพราะขาดความเชื่อมั่น มองไม่เห็นอนาคตของเศรษฐกิจไทย 5 ปีมานี้คนจนยิ่งจนลง

คนชั้นกลางย่ำแย่ลงเหลือแต่ธุรกิจผูกขาดไม่กี่ตระกูลที่ได้รับอานิสงส์จากการปกครองของทหารในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา  ทำให้รายได้มากขึ้นรวยขึ้นสวนทางกับประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศ  ประเทศไทยจึงกลายเป็นประเทศที่เหลื่อมล้ำอันดับ 1 ของโลก

แม้ว่าพรรคเพื่อไทยจะเป็นฝ่ายค้าน แต่อยากให้พวกเรา #ทีมเพื่อไทย ได้ภาคภูมิใจว่า ประชาชนคนไทยทั้งประเทศได้เลือกที่จะให้ความไว้วางใจในการในการฝากอนาคตของคนไทยไว้กับเราเพื่อไทย  จนเราได้คะแนนเสียงมาเป็นอันดับ 1 ด้วยพลังความรักที่ยิ่งใหญ่ของพี่น้องประชาชนที่มอบให้กับเรา เราจะต้องเป็นพลังผลักดันให้เราต้องทำงานช่วยประชาชนให้สำเร็จ  โดยอาศัยประสบการณ์ที่สะสมตั้งแต่ครั้งไทยรักไทยแนวคิดอุดมการณ์ของดร.ทักษิณ ชินวัตร ที่ประชาชนได้รับประโยชน์อย่างมากมายและยังต้องการให้วันดีๆเศรษฐกิจดีๆ อย่างสมัยไทยรักไทยกลับมา
            
เราจึงต้องปรับการทำงานของพรรคครั้งใหญ่  เพื่อรองรับการทำงานให้ประชาชน บนบริบทใหม่  ที่เปลี่ยนแปลง เพื่อไทยยุคใหม่ต้องผนึกกำลังคน 3 รุ่น ของเรา และใช้จุดแข็งของทุกคนมารวมเป็นพลังในการทำงาน และร่วมคิดร่วมทำกับประชาชนอย่างใกล้ชิดแบบ “ประชาชนคิดเพื่อไทยทำ"
            
เพื่อไทยยุคใหม่ ต้องสร้างค่านิยมในการทำงานใหม่แบบ Fast Track  จากคิดใหม่ทำใหม่ ไม่ทันแล้ว เพื่อไทยต้องเข้าสู่ยุค "คิดใหม่ ทำไว"  เพราะปัญหาปากท้องพี่น้องรอไม่ได้ ทุกข์ของคนไทยรอไม่ได้  ต้องเร่งแก้ไข
            
โดยเราจะจัดองค์กรใหม่ นำเทคโนโลยีเข้ามาช่วย เพื่อนำปัญหาของประชาชนมาถึงพรรคได้รวดเร็ว เปิดช่องให้ผู้เชี่ยวชาญ และคนรุ่นใหม่เข้ามามีส่วนร่วม ในการช่วยคิด ช่วยทำ กับพรรคเพื่อแก้ปัญหาให้พี่น้องประชาชนโดยเฉพาะปัญหาเศรษฐกิจรอช้าไม่ได้
             
เราต้องลงมือแก้ไขปัญหากับพี่น้องประชาชนในทันทีแม้จะไม่มีอำนาจ ต้องสร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับประชาชนทันที โดยไม่ต้องรอรัฐบาล จากนี้ไปจะเป็นยุคลงมือแก้ไขปัญหาให้เป็นทันที ทำเป็นโมเดลให้ดูในพื้นที่ก่อน แล้วค่อยนำไปพัฒนาเสนอเป็นนโยบาย
            
จากนี้ เราจะคิดแบบ fast track จะคิดใหม่ทำไว โดยมีเป้าหมาย 3 ประการ

1.  คนทำงานของพรรคเพื่อไทยจะต้องเป็นคนแรกในพื้นที่รู้ปัญหาของประชาชนช่องทางสื่อสารต่างๆโดย ใช้ช่องทางโซเชียล ของคนทำงานของพรรคเพื่อไทยจะต้องเป็นสถานที่แรกที่ประชาชนนึกถึงเมื่อเขามีปัญหา

2. พรรคเราต้องเป็นตัวเลือกแรกที่คนที่มีความเชี่ยวชาญและมีความคิดดีๆจะเลือกมาเสนอแนะนโยบายต่างๆ โดยอาศัยช่องทางต่างๆที่เราจะเปิดกว้างมากขึ้น

3.ต้องลงมือแก้ปัญหาของประชาชนอย่างเป็นรูปธรรมในทันทีโดยโครงการ "นวัตกรรมแก้จน" ของพรรคเพื่อไทย ที่เราจะร่วมกับประชาชนในพื้นที่ทำเป็นโมเดลตัวอย่างเช่นที่ "ทุ่งกุลาร้องไห้โมเดล” ที่จะเปลี่ยน”ทุ่งกุลาร้องไห้” เป็น “ทุ่งกุลามั่งมี” หรือที่กรุงเทพฯ ที่เราต้องการสร้างรายได้ให้กับคนในชุมชน ด้วยมรดกทางศิลปะวัฒนธรรม และวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของคนในชุมชนเอง เพื่อสร้างเป็นจุดขายด้านการท่องเที่ยว เช่นที่เขตบางกอกน้อย เราได้ทำคือ”บางกอกน้อยโมเดล” เพื่อสร้างรายได้อย่างยั่งยืนให้เกิดขึ้นกับประชาชน

คนทำงานของพรรคเพื่อไทย ยุคใหม่จึงต้องพร้อมทำงานได้อย่างรวดเร็วคล่องตัว โดยอาศัยเทคโนโลยีสมัยใหม่ ทุกคนจะต้องมีช่องทางมีพื้นที่สื่อสารกับประชาชนของตัวเอง


น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ เลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าว ในหัวข้อ “new system: ปรับ รื้อ เปลี่ยน โครงสร้างพรรคเพื่อไทย” ถึงแผนการเชิงรูปธรรมที่จะเกิดขึ้นภายใน 6 เดือนข้างหน้าว่า พรรคเพื่อไทยจะเริ่มการปฏิรูปให้เห็นเป็นรูปธรรมทันที ภายใน 6 เดือน โดยเราจะ ปรับ-เปลี่ยน โครงสร้างพรรคเพื่อไทย ตามแนวคิด “ประชาชนคิด เพื่อไทยทำ” เราจะมีโครงการต่างๆ ที่จะช่วยเป็นเครื่องมือ ให้พรรคเชื่อมต่อกับประชาชนได้มากขึ้น, เปิดพื้นที่ให้ผู้เชี่ยวชาญและคนใหม่ๆมากขึ้น, และพร้อมสำหรับการแก้ไขปัญหาให้ประชาชนในทันทีมากขึ้นโดยในหกเดือนแรก เราจะทำให้เสร็จทันทีอย่างน้อย 3 โครงการ
            
โครงการแรก เราจะเปลี่ยนพื้นที่ทำการของพรรคเพื่อไทยให้เป็น "open space เพื่อไทย” ที่ทำการของพรรคจะเป็นพื้นที่สาธารณะที่ประชาชนสามารถเข้ามาใช้ประโยชน์ เป็นพื้นที่ทางปัญญา ซึ่งประชาชนจะเข้ามาพูดคุย เสวนา ใช้เป็นเวทีสาธารณะ เป็นเวทีแสดงความคิดเห็น จัดนิทัศน์การเผยแพร่ความรู้ในการแก้ไขปัญหาต่างๆได้ จะมีสภากาแฟ ฟรีอินเตอร์เน็ต และห้องสมุดประชาชน ประชาชนทุกคนสามารถเดินเข้ามาใช้งานได้ ที่ทำการพรรคเพื่อไทยจะเป็นห้องนั่งเล่นของประชาชน ถ้าคิดไม่ออก ไม่รู้ว่าจะไปไหน พี่น้องสามารถมาพรรคเพื่อไทย / โครงการนี้เราจะเริ่มต้นนำร่องโดยที่ทำการพรรคใหญ่ก่อน และจะขยายต่อไปยังจังหวัดต่างๆในอนาคต ให้เป็นพื้นที่เรียนรู้ร่วมกันระหว่างคนเพื่อไทยกับประชาชน เพื่อตอบโจทย์หลักคิดใหม่ “ประชาชนคิด เพื่อไทยทำ”

            
โครงการที่สอง เราจะริเริ่ม “คณะทำงานขนาดเล็ก” ซึ่งจะจิ๋ว แต่แจ๋ว แต่ละทีมไม่เกิน 5 คน โดยจับกลุ่มกันตามความสนใจ ทำงานติดตามในประเด็นต่างๆ อาจจะเป็นเรื่องนโยบาย เรื่องติดตามปัญหาที่มีความสำคัญกับพี่น้องประชาชน คณะทำงานต่างๆจะมีผลงานที่จับต้องได้ให้กับพี่น้องประชาชนภายใน 6 เดือน โดยมีช่องทางสื่อสารอัพเดทกับพี่น้องอย่างใกล้ชิด
            
โครงการที่สาม “ยุทธศาสตร์ผูกเสี่ยว” เราจะบรรเทาปัญหาเศรษฐกิจของพี่น้องประชาชนในทันที แม้ว่าเราจะไม่ได้เป็นรัฐบาล โดยการที่เราจะให้ผู้แทนในแต่ละพื้นที่ ทำหน้าที่เป็น “ผู้แทนการค้า” ด้วย เราจะให้ผู้แทนของเราทำข้อมูลสินค้าของดีในชุมชน และจะหาทางจำหน่ายเพิ่มให้ เราจะนำมาวางขายในพื้นที่ "open space เพื่อไทย” และให้ความช่วยเหลือพี่น้อง ให้นำสินค้าเหล่านี้วางขายในร้านออนไลน์ได้ โดยตั้งเป้าว่าจะต้องมีร้านค้าชุมชน ที่เป็นตัวแทนเอาสินค้าของพี่น้องไปวางขายทางออนไลน์อย่างน้อย 300 แห่งภายใน 1 ปี เพื่อให้มีเงินเข้ากระเป๋าพี่น้องโดยตรง
            
นอกจากนี้เรายังจะมีโครงการอื่นๆ เพื่อช่วยเหลือทั้งพี่น้องประชาชน และช่วยให้คนทำงานเพื่อไทยทำงานง่ายขึ้นอีกมากมาย เช่นเราจะจัดให้มีการอบรมการสร้างช่องทางสื่อสารผ่านโซเชียลให้กับทีมงานของผู้แทนทุกคน หรือทำเวทีรับฟังปัญหาของผู้ประกอบการ ค้าขายต่างๆ เป็นต้น
            
ทั้งหมดนี้ เราจะเริ่มต้นทำทันที และจะทำให้สำเร็จเป็นรูปธรรมภายใน 6 เดือน เพื่อเป้าหมายของเพื่อไทยยุคใหม่ตามแนวทาง “ประชาชนคิด เพื่อไทยทำ” และจะต้องทำให้ไว ให้เป็นรูปธรรม


นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ ส.ส. พรรคเพื่อไทย กล่าว ในหัวข้อ “new blood: พลิกเพื่อไทย เพื่อประเทศไทยที่เราอยากเห็น” ว่า พรรคเพื่อไทย ไม่ได้มองคนรุ่นใหม่เป็น “กลุ่มเด็ก” หรือ “ตัวสำรอง” แต่พรรคเพื่อไทยมองว่า คนรุ่นใหม่คือ "อนาคต" คือ"ความหวัง" ของพรรคเพื่อไทย และของประเทศไทย พรรคเพื่อไทยยังคงเป็นสถาบันทางการเมืองที่แข็งแกร่งดังเดิม โดยเสริมปีกใหม่ของคนรุ่นใหม่ มาเติมสีสันและแนวความคิดที่ทันสมัยขึ้นกว่าเดิม โดยยังจะยึดมั่นในหลักการประชาธิปไตย และคำว่า พรรคเพื่อไทยหัวใจคือประชาชน
            
กลุ่มคนรุ่นใหม่ของพรรค ได้เปิดตัวในชื่อกลุ่ม เพื่อไทยพลัส ซึ่งประกอบไปด้วย ส.ส. และผู้สมัคร นักคิดนักวิชาการ และผู้ที่สนใจทางการเมือง จากพรรคเพื่อไทย พรรคไทยรักษาชาติ และอีกหลายพรรคการเมือง และจากนี้พรรคจะมีโครงการที่จะ เปิดให้เยาวชนสามารถสมัครเข้าเป็น เยาวชนพรรคเพื่อไทย ซึ่งจะได้รับข่าวสาร และเข้าร่วมกิจกรรม/โครงการต่างๆของพรรคได้
            
โครงการแรก สำหรับคนรุ่นใหม่ สำหรับพรรคคือ “คณะทำงานขนาดเล็ก” เราคาดหวังว่าคนรุ่นใหม่ๆ จะมีกลุ่มการทำงานในหัวข้อใหม่ๆ ที่เราคาดไม่ถึง วันนี้กลุ่มเพื่อไทยพลัสก็เริ่มในบางส่วนแล้ว เช่นกิจกรรม esport กิจกรรมเข้ารับฟังปัญหากลุ่มนิสิตนักศักษาและอาชีวศึกษา การประชุมในประเด็นต่างๆ เช่น lgbtq สิทธิมนุษยชน esport smart-farming digital-economy
            
และพรรคเพื่อไทยจะเริ่มโครงการ “สภาจำลองของเยาวชนพรรคเพื่อไทย” สำหรับน้องๆเยาวชนที่อยู่ในวัยเรียน โครงการนี้ จะจัดให้มีสภาจำลองขึ้นในจังหวัดต่างๆ โดยให้นักเรียนที่มีแนวคิด มีนโยบาย ต่างๆ สมัครเข้ามา เพื่อให้มาอภิปรายในสภาจำลองได้อย่างเสรี โดยพรรคจะช่วยเป็นเสมือนโคช และเป็นผู้ดำเนินการประชุม เพื่อให้เยาวชนเรียนรู้การทำงานของระบบรัฐสภา และให้พรรคเพื่อไทยรับรู้ถึงแนวคิดใหม่ๆของประชาชน เพื่อนำมาทำเป็นนโยบายต่อไป
            
พรรคเพื่อไทยและทีมเพื่อไทยพลัส  จะไม่ใช่แค่ก้าวทันโลกด้วยเทคโนโลยี แต่จะมองหาโอกาสใหม่ๆ ที่เป็นไปได้และทำได้จริง









ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น