คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ แกนนำพรรคเพื่อไทย โพสต์กราฟิกจากเพจไขลานความคิด เทียบคำพูด พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พร้อมข้อความผ่านเครือข่ายสังคมออนไลน์ โดยมีเนื้อหาดังนี้
#ยืมผลงานไปอวด ไม่ว่ากันค่ะ
แต่ขอให้จริงใจที่จะสนับสนุนโครงการ 30บาท อย่างแท้จริงด้วย!!
ได้ยินข่าวของพล.อประยุทธ์ ไปพูดถึงโครงการ 30 บาทรักษาทุกโรค ในเวทีการประชุม UN โดยได้อวดถึงความสำเร็จและประโยชน์ของโครงการ 30 บาทรักษาทุกโรค มีต่อประชาชนคนไทยอย่างคุณูปการ ให้เวที UN ได้รับฟัง
ในฐานะที่เป็นรัฐมนตรีสาธารณสุข ผู้รับผิดชอบดำเนินโครงการ 30 บาทรักษาทุกโรคมาตั้งแต่เริ่มต้น ในรัฐบาลนายกทักษิณ ชินวัตร เมื่อปี 2544
ดิฉันดีใจนะคะ ที่ได้ยินคำพูดเหล่านี้จากพล.อ.ประยุทธ์ และยินดีที่ให้ยืมผลงานไปอวดอ้างในเวทีโลก อย่าง UN หากพล.อ.ประยุทธ์ พูดอย่างจริงใจและพูดด้วยความเข้าใจโครงการ 30 บาทรักษาทุกโรคอย่างแท้จริง ว่าเป็นโครงการที่ก่อเกิดประโยชน์ต่อประชาชนอย่างไร
เพราะตลอดระยะเวลา 5 ปีกว่า พล.อ. ประยุทธ์ได้วิพากษ์วิจารณ์ ในทางลบต่อโครงการ 30 บาทรักษาทุกโรคมาตลอด ทั้งกล่าวหาว่าเป็นโครงการประชานิยม ที่ทำให้เกิดปัญหา เป็นนโยบายที่ประเทศอื่นยังไม่ทำเลย เป็นโครงการที่ไม่ถูกต้องบิดเบือน เป็นภาระต่องบประมาณ บลา ๆ
เพราะถ้าพล.อ.ประยุทธ์ จริงใจ เข้าใจ โครงการ 30 บาทและสนับสนุนโครงการ 30 บาทอย่างแท้จริงก็จะเกิดประโยชน์ต่อประชาชนอย่างมากในฐานะที่เป็นรัฐบาลอยู่
ดิฉันได้พยายามอธิบายถึงหลักการ โครงการและเป้าหมายของโครงการ 30 บาททุกครั้ง ที่ได้ฟัง พล.อ.ประยุทธ์ พูดตำหนิโครงการนี้อย่างไม่เข้าใจมาหลายครั้งแล้ว และวันนี้ขอพูดสั้นๆ ให้ฟังอีกครั้ง เพื่อให้ พล.อ.ประยุทธ์ เข้าใจหลักการของโครงการ 30 บาท เพื่อนำไปดำเนินการให้ถูกต้อง เพราะตลอดระยะเวลากว่า 5 ปี จากความไม่เข้าใจของผูน้ำได้ส่งผลในทางลบ ต่อการดำเนินงานของโครงการ 30 บาท ในหลายด้านทั้งคุณภาพการบริการ ทั้งการบริหารงบประมาณ ที่ทำให้แต่ละโรงพยาบาลขาดงบประมาณ
ส่งผลให้ทั้งผู้ให้บริการ คือแพทย์ พยาบาล บุคลากรสาธารณสุข และผู้รับบริการ คือประชาชนไม่มีความสุข
ทั้งสองฝ่าย
หัวใจของโครงการ 30 บาทมี 3 ประการคือ
1.เพื่อให้โอกาสคนไทย ได้เข้าถึงการรักษาพยาบาลอย่างทัดเทียมทั่วถึง ( HEALTH FOR ALL )
2. เพื่อมุ่งสร้างสุขภาพดีให้คนไทย แข็งแรง ก่อนป่วย ( ALL FOR HEALTH )
3. เพื่อการจัดสรรงบประมาณให้มีประสิทธิภาพ สามารถสะท้อนภาระของแต่ละสถานพยาบาล ที่ต้องรับผิดชอบต่อประชาชน ที่สถานพยาบาลเรานั้นต้องดูแล
แต่ในระยะเวลากว่า 5 ปีที่ผ่านมา เมื่อผู้นำไม่เข้าใจและไม่ศรัทธาต่อโครงการ 30 บาทอย่างจริงใจ จึงส่งผลต่อการสนับสนุนโครงการ 30 บาททำให้คุณภาพของโครงการแย่ลง แทนที่จะเป็น HEALTH CARE จึงกลายเป็นSICK CARE. ผลเสียจึงตกต่อประชาชนและบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข
เอาผลงานคนอื่นไปคุยนอกบ้าน เพื่อชื่อเสียงของประเทศ แม่ยอมปิดตาให้ข้างนึงค่ะ แต่หูทั้ง2ข้างที่ฟังลุงพูดอยู่ในประเทศ ลุงด่า 30บาทไม่มีชิ้นดีอยู่ตลอดมา
ขอฟังในแนวทางที่ชื่นชม แบบคนที่รักและเข้าใจในหลักประกันสุขภาพ แบบที่ลุงไปพูดที่ UN ชัดๆสักครั้งได้มั๊ยคะ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น