วันอังคารที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2562

"อนุดิษฐ์" เย้ยพลังดูด ส.ส. ไม่แก้ปัญหาเศรษฐกิจ

เลขาธิการพรรคเพื่อไทย เห็นว่าแม้แกนนำพรรคพลังประชารัฐ จะพยายามดูด ส.ส.เพื่อแก้ปัญหาเรื่องเสียงปริ่มน้ำในสภา แต่ก็คงไม่สามารถช่วยแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจได้ จึงควร “ดูดมืออาชีพทางด้านเศรษฐกิจ” เข้าไปแทนที่ทีมเศรษฐกิจชุดปัจจุบันจะดีกว่า 


น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ เลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงความพยายามดูด ส.ส.จากพรรคเพื่อไทยเพื่อแก้ไขปัญหาเสียงปริ่มน้ำของแกนนำพรรคพลังประชารัฐในขณะนี้ว่า เป็นความพยายามดิ้นรนทุกวิถีทางเพื่อสืบทอดอำนาจออกไปให้ยาวนานที่สุดของนายทหารกลุ่ม “3 ป.” ที่นำโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม

ซึ่งแม้แกนนำพรรคพลังประชารัฐ จะพยายามดูด ส.ส.เข้าไปแก้ไขเรื่องเสียงปริ่มน้ำ ที่กำลังบั่นเซาะเสถียรภาพของรัฐบาลอยู่ในขณะนี้  แต่ก็คงไม่สามารถแก้ไขปัญหาทางด้านเศรษฐกิจที่กำลังตกต่ำลงทุกด้านได้ เพราะหากดูตัวเลขเศรษฐกิจจากด้านต่าง ๆ ก็จะพบว่ายังไม่มีสัญญาณใดใดเลยว่าจะมีการฟื้นตัว และเรียกความเชื่อมั่นจากนักลงทุนทั้งไทยและต่างประเทศได้ 

แม้ พล.อ.ประยุทธ์ จะอ้างว่า ตัวเองคือหัวหน้าทีมเศรษฐกิจตัวจริง แต่ก็เป็นที่รับรู้กันว่า คนที่เป็นคีย์แมนหลักในการวางนโยบายทางด้านเศรษฐกิจของรัฐบาลชุดนี้คือ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เพียงแต่เพื่อแก้ปัญหาการยอมรับของพรรคร่วมรัฐบาล ทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ จำใจต้องมารับเป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจด้วยตัวเอง 

ซึ่งก็เป็นที่รู้กันว่าอดีตนายพลเกษียณอย่าง พล.อ.ประยุทธ์ ขาดความรู้ความสามารถทางด้านเศรษฐกิจ จึงทำให้การแก้ปัญหาของรัฐบาลขาดความเป็นเอกภาพ และเน้นเพียงการแจกเงินจำนวนมหาศาล ตามแนวทางของนายสมคิดที่ใช้มาตลอด 5 ปี แต่ก็ไม่ทำให้ตัวเลขทางเศรษฐกิจดีขึ้นอย่างที่เห็นกันอยู่

ดังนั้น แทนที่แกนนำรัฐบาลจะพยายามดูด ส.ส.เข้าไปแก้เสียงปริ่มน้ำในสภา ก็ควรเปลี่ยนเป็น “ดูดมืออาชีพทางด้านเศรษฐกิจ” เข้าไปแทนที่รัฐมนตรีทางด้านเศรษฐกิจจะดีกว่า เพื่อสร้างความเชื่อมั่นเฮือกสุดท้ายให้กับนักธุรกิจและนักลงทุน เพราะแนวทางแก้เศรษฐกิจที่ พล.อ.ประยุทธ์เดินตามก้นนายสมคิดมากว่า 5 ปี ถือว่าถูกพิพากษาจากสังคมไปแล้ว โดยดูได้จากโพลสำนักต่างๆ ที่ออกมา

“จึงหวังว่า พล.อ.ประยุทธ์ จะใช้ความกล้าหาญในการปรับ ครม.ทางด้านเศรฐกิจเสียใหม่ โดยดูดคนนอกที่เป็นมืออาชีพเข้ามาแทนที่ทีมนายสมคิด  ที่ได้พิสูจน์ผลงานมาแล้วกว่า 5 ปี  แต่ยังไม่มีสัญญาณใดใดเลยว่าจะดีขึ้น มีแต่สาละวันเตี้ยลงทุกด้าน จนผู้คนในสังคมเกิดความเคร่งเครียดจากภาวะหนี้สิน และฆ่าตัวตาย จนเกือบจะเกิดขึ้นเป็นรายวันอยู่แล้ว” น.อ.อนุดิษฐ์กล่าว

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น