วันพฤหัสบดีที่ 7 พฤศจิกายน พ.ศ. 2562

"ปรีชาพล" นำ ทษช. โพสต์รำลึก 1 ปี การก่อตั้งพรรค

ร้อยโท ปรีชาพล พงษ์พานิช อดีตหัวหน้าพรรคไทยรักษาชาติ พร้อมด้วยกรรมการบริหารพรรคไทยรักษาชาติ นางสาวชยิกา วงศ์นภาจันทร์ นายคณาพจน์ โจมฤทธิ์ นายฤภพ ชินวัตร และนายต้น ณ ระนอง โพสต์ข้อความผ่านเครือข่ายสังคมออนไลน์ ในโอกาสครบรอบ 1 ปี ก่อตั้งพรรคไทยรักษาชาติ โดยมีเนื้อหาดังนี้


7 พฤศจิกายนปีที่แล้ว ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญที่สุดครั้งหนึ่งในชีวิตทางการเมืองของผม คือการได้มีโอกาสเข้าดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรคไทยรักษาชาติ เร็วนะครับ ครบ 1 ปี แล้ว ในช่วงเวลาที่ผ่านมาผมไม่ได้หายไปไหน ผมได้หันมาทบทวนตัวเองในทุกๆเรื่อง มีเวลาได้ดูแลสุขภาพ ดูแลลูกสาวฝาแฝดอายุ 6 ขวบมากขึ้น ได้ทุ่มเทให้การเรียนปริญญาเอกเต็มที่หลังจากค้างคามาหลายปีเพราะติดภารกิจงานการเมือง ซึ่งตอนนี้จบแล้วครับ

แม้วันนี้บทบาทของผมจะเปลี่ยนไป แต่ก็ยังคงมีความปรารถนาดี อยากเห็นประเทศไทยมีเศรษฐกิจที่ดี คนไทยลืมตาอ้าปากได้ สามารถพัฒนาเท่าทันต่อการเปลี่ยนแปลงของโลก

ผมเชื่อว่าประเทศไทยยังมีศักยภาพ เพราะเราเคยเป็น 1 ใน 5 เสือของอาเซียน เป็นศูนย์กลางโลจิสติกส์ของภูมิภาค เป็นประเทศที่มีสถานที่ท่องเที่ยวที่ดึงดูดและงดงามไม่แพ้ชาติใดในโลก มีศักยภาพเป็นแหล่งผลิตอาหารของโลกได้เพราะมีสินค้าทางการเกษตรที่หลากหลาย มีเอกลักษณ์ด้านวัฒนธรรมและฝีมือด้านหัตถกรรม (Handcraft) ที่มีความประณีต ลอกเลียนแบบได้ยาก แต่ในวันนี้ศักยภาพเหล่านี้กลับถูกละเลย ถูกมองข้ามไป และไม่ได้ใช้ประโยชน์อย่างเป็นรูปธรรม ทั้งที่เราสามารถสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับประเทศจากสิ่งเหล่านี้ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การสร้างโอกาสในการทำมาหากินให้กับคนตัวเล็กๆที่มักถูกหลงลืมเหมือนไม่มีตัวตนในสังคม นับวันปัญหาความเหลื่อมล้ำก็จะทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ผมเชื่อว่าไม่มีใครอยากจน ไม่มีใครอยากแบมือขอรับความช่วยเหลือจากคนอื่นหากมีความพร้อมที่จะช่วยเหลือตนเองได้ ความจนไม่ได้เป็นเรื่องของโชคชะตา แต่เป็นเรื่องของการขาดโอกาสและการสนับสนุนที่เหมาะสม

สิ่งสำคัญคือความเข้าใจและเข้าถึงเทคโนโลยี รวมถึงการปรับตัวให้สามารถอยู่รอดได้ในยุคเศรษฐกิจสมัยใหม่ แม้ในห้วงที่ประเทศเข้าสู่ภาวะวิกฤต เรายิ่งต้องเปลี่ยน "วิกฤต" ให้เป็น "โอกาส" โดยเร็วที่สุดครับ

ผมเชื่อว่า "โอกาส" ในชีวิตของคนเรามีได้หลายครั้ง โอกาสมีอยู่ทุกที่ในประเทศไทยและมีอยู่ในทุกจังหวะของการพัฒนา และเป็นหนทางที่นำไปสู่อนาคตที่ดีกว่าเสมอ

#โอกาสคืออนาคต


ทางด้าน นางสาวชยิกา วงศ์นภาจันทร์ ระบุว่า 7 พฤศจิกายน 2561 นับเป็นวันแรกที่ดิฉันได้ก้าวเข้ามาสู่การเมืองเบื้องหน้าครั้งแรก
1 ปีผ่านไปปัญหาต่างๆของประเทศไม่ว่าจะเป็นภาวะเศรษฐกิจทั้งในและนอกยังคงรุมเร้าประเทศ บ้านเมืองของเรายังอยู่ในสภาวะเหมือนคนไข้ในห้องไอซียู ช่องว่างความเหลื่อมล้ำมีแต่จะห่างมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะก้าวไม่ทันโลกที่หมุนเปลี่ยนไปตามเทคโนโลยีอย่างรวดเร็ว
ภาคการท่องเที่ยวหดตัว การจ้างงานลดลงโดยเฉพาะในภาคการผลิตเพื่อการส่งออก หนี้ครัวเรือนยังคงสูง คนไข้ตัวเล็กตัวน้อย ที่รอการรักษายังมีอยู่อีกจำนวนมาก ซึ่งกลุ่มคนเหล่านี้กลับถูกมองข้าม ทั้งที่พวกเขาคือหัวใจหลักของการหมุนเวียนเศรษฐกิจฐานราก
แม้วันนี้ดิฉันจะไม่ได้มีโอกาสเข้าไปช่วยแก้ไขปัญหาและพัฒนาประเทศในฐานะนักการเมือง แต่ก็ไม่เคยลืมความมุ่งมั่น ตั้งใจ ที่อยากจะเข้ามาพัฒนาโอกาสให้กับผู้คนในสังคมอีกมากมาย ที่มีศักยภาพซ่อนเร้น แต่ขาดโอกาสในการเชื่อมโยงไปสู่แหล่งความรู้ แหล่งทุน เทคโนโลยี และตลาดโลก
ดิฉันมองเห็นโอกาสของคนเหล่านั้น และดิฉันเชื่อว่า #โอกาสคืออนาคต


นายคณาพจน์ โจมฤทธิ์ ระบุว่า เวลา 1 ปีนั้นหมุนไปเร็วอย่างมาก จากวันนี้เมื่อปีที่แล้ว ที่ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในชีวิตของผม ด้วยการเดินตามความฝันในวัยเด็ก เข้ามาทำงานทางการเมืองในฐานะรองเลขาธิการพรรคไทยรักษาชาติ จนถึงวันนี้ความฝันของผมก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงไป แม้จะอยู่ในบริบทที่แตกต่าง แต่ก็ยังคง “ความหวัง” ที่อยากจะเห็นประเทศไทย สังคมไทย และคนไทยก้าวทันการเปลี่ยนแปลงของโลกที่หมุนไปอย่างรวดเร็ว

ประเทศไทยมีขุมทรัพย์ซ่อนอยู่อีกมากแต่หลายคนยังมองไม่เห็น ไม่ว่าจะเป็นด้านสินค้าหัตถกรรม และอุตสาหกรรมอาหาร ที่ถือเป็นภาพลักษณ์ของประเทศไทย ซึ่งชาวต่างชาติให้การยอมรับ คำว่า “Made in Thailand” เป็นตราสัญลักษณ์ที่การันตีคุณภาพได้เป็นอย่างดี

แต่เนื่องด้วยกระแสโลกที่เปลี่ยนไปตามเทคโนโลยีสมัยใหม่ สิ่งที่มีมูลค่าของไทยเหล่านั้น (Thai value) ไม่ disrupt ตัวเอง หรือเปลี่ยนแปลงให้เข้ากับความท้าทายของโลกปัจจุบัน และความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป ทำให้ถูกละเลย และจางหายไป

ในช่วงเวลาที่เต็มไปด้วยความสิ้นหวัง และความไม่แน่นอน เราจะต้องผลักตัวเองออกจากพื้นที่ที่เคยชิน (Discomfort zone) ไปสู่ “ความหวัง” และ “โอกาส” เพื่อที่จะก้าวไปสู่ความเป็นผู้นำในอนาคตได้ เพราะไม่มีอะไรจะเสี่ยงไปมากกว่าการย่ำอยู่กับที่

ตลอดระยะเวลา 1 ปีที่ผ่านมา ผมได้รับโอกาสมากมายในการทำธุรกิจ ได้แลกเปลี่ยนประสบการณ์กับผู้คนหลากหลาย ผมไม่เคยหยุดเรียนรู้ ได้ลองผิดลองถูก เพื่อที่จะพัฒนาตนเองให้มีศักยภาพที่ดียิ่งขึ้น ระบบการศึกษาไทย จะต้องเปิดกว้าง (Boundaryless) เสริมสร้างการเรียนรู้ที่ตอบสนองความต้องการของนักเรียนแต่ละคน (Personalized learning program) ด้วยวิธีดิจิทัล AI, AR/VR และ Blockchain จะเข้ามาเป็นกลไกที่ช่วยให้เติมเต็ม และเข้าถึงแหล่งความรู้ได้หลากหลาย และรวดเร็วมากยิ่งขึ้น นอกเหนือจากการเรียนการสอนจากครูในห้องเรียน

ดังนั้น ในโลกที่เปิดกว้างมากยิ่งขึ้น เทคโนโลยีสามารถเข้าถึงได้ง่ายยิ่งขึ้น ผมจึงเชื่ออยู่เสมอว่า ชีวิตเรายังมีความหวังและโอกาสรอเราอยู่เสมอ อยู่ที่เราต้องคว้า “โอกาส”เหล่านั้นให้อยู่ในมือของเรา ผมเชื่อว่าทุกๆ คนก็สามารถทำได้ เพื่อก้าวไปสู่ “อนาคต” ที่ดีกว่าของเรา และประเทศไทยไปด้วยกันครับ #โอกาสคืออนาคต


นายฤภพ ชินวัตร ระบุว่า 7 พฤศจิกายน ได้หวนกลับมาอีกครั้ง

ในวันที่ 7 พฤศจิกายน 2561 เป็นอีกวันที่ผมมีความภาคภูมิใจที่ได้รับตำแหน่ง รองหัวหน้าพรรคไทยรักษาชาติ และได้รับผิดชอบในเรื่องการนำเทคโนโลยีเข้ามาเพื่อพัฒนาประเทศ

ถึงแม้วันนี้ผมได้พ้นจากตำแหน่งนั้นแล้ว แต่ผมก็ยังมีอุดมการณ์ที่จะนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ๆเพื่อที่จะพัฒนาประเทศต่อไป

โลกของเรานั้นอยู่ในศตวรรษที่ 21 และ ประเทศมหาอำนาจนั้นก็ได้มีการใช้เทคโนโลยีเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม แต่ประเทศไทยยังตามไม่ทันในเรื่องนี้อยู่มาก ทั้งๆที่เรามีโอกาส และศักยภาพอีกมากมาย ผมเองก็ยังเชื่อว่าเราต้องนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้เพื่อพัฒนาประเทศ เริ่มที่การทำให้เทคโนโลยีใช้ง่ายขึ้น เพื่อให้ประชาชนเข้าถึง แล้วนำมาพัฒนาการเกษตร อุตสาหกรรม และใช้ในชีวิตประจำวัน

1 ปีที่ผ่านมานั้นผมก็ยังไม่หยุดคิดที่อยากจะพัฒนาประเทศด้วยเทคโนโลยี อยากเห็นประเทศไทยนั้นก้าวไกล ทัดเทียมกับประเทศมหาอำนาจ ประเทศไทยนั้นยังขาดโอกาส แต่เราสามารถสร้างโอกาสนั้นขึ้นมาเองได้ เพื่อเศรษฐกิจ และอนาคตของประเทศไทย

#โอกาสคืออนาคต


นายต้น ณ ระนอง ระบุว่า วันนี้เมื่อปีที่แล้ว 7 พฤศจิกายน 2561 เป็นวันที่ผมมีโอกาสได้เป็นนักการเมืองเต็มตัว หนึ่งปีผ่านไป แม้ผมไม่ได้อยู่สถานะเดิมแล้ว แต่การเปลี่ยนแปลงนั้นก็นับเป็นโอกาสใหม่ของผม ให้ผมสามารถมองเรื่องเดิมด้วยมุมมองใหม่ ได้ทำงานมิติใหม่ที่ผมเชื่อว่าจะเป็นประโยชน์ต่อประเทศไทยของเราได้

ช่วงที่ผ่านมา ผมได้ใช้โอกาสของผมมองไปรอบๆ ว่าสังคม ประเทศ และโลกของเรา มีการพัฒนาอะไรไปบ้าง ทั้งข้อมูลข่าวสารทางอินเทอร์เน็ต หรือจากการเดินทางไปทำงาน ไปเที่ยวในที่ต่างๆ ทั้งในและต่างประเทศ โดยส่วนตัวแล้วผมเป็นคนชอบสังเกตสิ่งรอบๆตัว และเอาเรื่องราวมาแบ่งปันคนอื่นอยู่เสมอ เพื่อแลกเปลี่ยนความรู้และมุมมองที่เป็นประโยชน์ ทั้งการเมือง เศรษฐกิจ และเทคโนโลยี ด้วยหวังว่าจะเป็นประโยชน์ หรือสามารถจุดประกายความคิดให้ผู้อื่นนำไปต่อยอดได้

ปัจจุบันผมเป็นที่ปรึกษาให้กับบริษัทแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็น System Integrator ที่เชี่ยวชาญด้านการพัฒนาเมือง และพัฒนาระบบต่างๆ ด้วยเทคโนโลยี IoT และ AI ทั้ง 2 สิ่งนี้จะสามารถจัดระบบเมืองที่ตอบสนองต่อคุณภาพและความปลอดภัยของสังคม ผมให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ เพราะผมเชื่อว่าคนไทยควรจะมีชีวิตดีกว่าที่เป็นอยู่ ผมอยากจะเห็นคนไทยมีความสะดวกสบายและความปลอดภัยในการดำเนินชีวิตที่มากขึ้น หรือทัดเทียมประเทศพัฒนาแล้ว

แม้ปัจจุบันผมจะไม่ได้ทำงานการเมือง แต่ผมก็ตั้งใจจะเป็นฟันเฟืองเล็กๆ ที่เปลี่ยนแปลงประเทศไทยของเราให้มีความทันสมัยก้าวทันโลก

มีภาษิตจีนประโยคหนึ่งกล่าวไว้ว่า "อย่ารอคอยโอกาส แต่จงสร้างโอกาส"

มันคงจะดี หากใครๆ ในสังคมของเราที่สร้างโอกาสได้เก่ง จะแบ่งโอกาสต่อไปให้คนอื่นๆ ที่มีโอกาสน้อยกว่าบ้าง ผมเชื่อว่า
#โอกาสคืออนาคต

ต้น ณ ระนอง
7พ.ย.2562


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น