ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พันตำรวจเอกทวี สอดส่อง เลขาธิการพรรคประชาชาติ ได้โพสต์ข้อความผ่านเครือข่ายสังคมออนไลน์ โดยมีเนื้อหาดังนี้
การแก้ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ของ พล.อ.ประยุทธ์ฯ ที่มองไม่เห็นอนาคตของสันติภาพและสันติสุข!!!
นโยบายและการปฏิบัติในการแก้ไขปัญหา จชต ของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา 12 ปี นับแต่ดำรงตำแหน่งเป็นรอง ผบ.ทบ ที่รับผิดชอบแก้ปัญหา จชต เมื่อปี 2550 -2553 เป็น ผบ.ทบ.ในปี 2553-2557 เป็น หน.คสช และนายกรัฐมนตรี ปี 2557-2562 จนถึงปัจจุบัน ที่พล.อ.ประยุทธ์ รับผิดชอบโดยตรงอย่างมีเอกภาพทางกฎหมายและการปฏิบัติในฐานะ ก.อ.รมน.และนายกรัฐมนตรี ต่อเนื่องมาตลอด ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ฯได้ใช้นโยบาย “การทหารนำการเมือง” จากการนำกฎหมายพิเศษด้านความมั่นคงมาใช้พร่ำเพรื่อ ยาวนานเกินความจำเป็น ทำให้แม้ท่านจะพูดปฏิเสธเมื่อถูกถาม แต่ในทางปฏิบัติไม่สามารถปฏิเสธได้
สถานการณ์และปัญหาในจังหวัดชายแดนภาคใต้ต้องยอมรับความจริงว่าเกิดจากผู้ก่อเหตุรุนแรงที่มีความเห็นต่างจากรัฐจำนวนหนึ่งที่มีน้อยมาก ๆ เมื่อเทียบสัดส่วนกับประชาชนคนส่วนใหญ่ในพื้นที่ และเกิดจากการกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐบางส่วนด้วย ซึ่งสาเหตุที่แท้จริงเกิดจากความขัดแย้งที่มีรากเหง้าของปัญหามาจากพื้นฐานบนความสลับซับซ้อน พื้นฐานการแก้ปัญหาต้องเริ่มจากการบริหารและการปกครองที่ประชาชนทุกคนต้องได้รับความปลอดภัยและความเป็นธรรม บนหลักการประชาธิปไตย และสำหรับพื้นที่แห่งนี้ที่มีความแตกต่างหลากหลายทางด้านวัฒนธรรม ความเชื่อและอุดมการณ์ ต้องสามารถอยู่ร่วมกันในสังคม “พหุวัฒนธรรม” ได้อย่างปกติสุขทุกชาติพันธุ์ สามารถมีพื้นที่เข้าถึงอำนาจ ทางสังคม เศรษฐกิจ การเมือง และความมั่นคง อย่างเสมอหน้ากัน โดยตระหนักถึงการที่จะต้อง “แสวงจุดร่วม สงวนจุดต่าง”
ดังนั้น การนโยบายที่ใช้ “การทหารนำการเมือง” ที่รัฐใช้ต่อเนื่องอาจทำให้ประชาชนในพื้นที่โดยเฉพาะที่มีวัฒนธรรมแตกต่างจากผู้นำประเทศและผู้นำทหารมีโอกาสถูกเหมารวมเป็นภัยต่อความมั่นคงได้ ทั้งที่บุคคลทุกคนเป็นพลเมืองไทยที่ร่วมเป็นเจ้าของประเทศด้วยกัน นโยบายดังกล่าว จะมีสภาพเป็น “รัฐซ้อนรัฐ” โดยอ้างคำว่าบูรณาการ แต่ทหารและหน่วยความมั่นคงจะเป็นผู้นำ และมีกฎหมายพิเศษใช้บังคับอยู่เหนือกฎหมายอาญาและกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา รัฐใช้ทรัพยากรในการบริหารและงบประมาณแผ่นดินถูกทุ่มเทไปเพื่อแก้ปัญหาที่อ้างความมั่นคงของรัฐ (ทหาร) มากกว่ากระจายความสุข อำนาจ สิทธิเสรีภาพ ทรัพยากรที่เป็นต้นทุนทางสังคม และประโยชน์ให้ราษฎรที่เป็นประชาชนพลเมืองของประเทศ ที่ประชาชนต้องมีสิทธิเสรีภาพที่อิสระใช้สติปัญญาความรู้รวมกันเป็นเอกภาพของปวงชนในการอยู่ร่วมกันที่ถือเป็น “ความมั่นคงของประชาชน” ที่มีความจำเป็นและสำคัญยิ่ง
ดังนั้น หากรัฐบาล ของ พล.อ.ประยุทธ์ ยังใช้นโยบาย การทหารนำการเมือง ไม่เปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนและสถานการณ์ในพื้นที่ จชต. ก็คงจะมีสภาพไม่ต่างจากเมื่อ 12 ปีที่ผ่านมา จึงไม่มีความหวังที่จะเกิดสันติภาพและสันติสุขที่แท้จริงในพื้นที่ขึ้นได้
การสูญเสียชีวิตและทรัพย์สินมีทั้งเกิดจาก ผู้ก่อเหตุรุนแรง และเกิดจากการกระทำของทหารและเจ้าหน้าที่รัฐอื่น เช่น เมื่อเร็ว ๆ นี้
- เมื่อวันที่ 5 พ.ย. ที่ผ่านมาคนร้ายได้บุกยิงจุดตรวจ ชุดรักษาความปลอดภัยประจำหมู่บ้าน ที่ตำบลลำพะยา จังหวัดยะลามีผู้เสียชีวิตจำนวน 15 ศพ เป็นประชาชน 14 ศพ และตำรวจ 1 ศพ หรือ
- เมื่อวันที่ 16 ธันวาคม 2562 ทหารใช้อาวุธปืนยิงประชาชน บนภูเขาอาปีเทือกเขาตะเว อำเภอระแงะ จังหวัดนราธิวาส มีผู้เสียชีวิต 3 ศพ
ทั้ง 2 เหตุการณ์เป็นเรื่องสะเทือนขวัญสร้างความเสียหายกับครอบครัวผู้เสียชีวิตและภาพพจน์ของประเทศ ที่สื่อมวลชนนำเสนอข่าวไปทั่วประเทศและทั่วโลก รวมถึงได้มีการนำเรื่องอภิปรายในสภาผู้แทนราษฎร อาทิล่าสุด นายกูเฮง ยาวอฮาซัน ส.ส.พรรคประชาชาติ จังหวัดนราธิวาส ตั้งกระทู้สดถามรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหม เหตุการณ์ครั้งหลังที่จังหวัดนราธิวาส
ตามคลิป เสนอข่าวรายการโอเวอร์วิว ของอาจารย์ ศิโรจน์ คร้ามไพบูลย์ พิธีกรและนักวิชาการ เผยแพร่ครับ
https://youtu.be/4-FAiZm0FIM
พันตำรวจเอกทวี สอดส่อง
เลขาธิการพรรคประชาชาติ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น