วันจันทร์ที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2562

"สุดารัตน์" ลงพื้นที่สำเพ็ง ห่วงทุนต่างชาติกระทบผู้ค้า


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมา คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธ์ุ ประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย พร้อมด้วยนายประเดิมชัย บุญช่วยเหลือ ส.ส.กทม. นายสุรชาติ เทียนทอง อดีตส.ส.กทม. นายตรีรัตน์ ศิริจันทโรภาส เลขาธิการกลุ่มเพื่อไทยพลัส และทีมงานพรรคเพื่อไทย ลงพื้นที่ย่านสำเพ็งเพื่อพบปะผู้ประกอบการค้า โดยได้หารือร่วมกับนายไชยยศ รุ่งเจริญชัย ในฐานะนายกสมาคมพ่อค้าผ้าไทย และตัวแทนผู้ประกอบการค้าย่านสำเพ็ง

.
คุณหญิงสุดารัตน์กล่าวว่า วันนี้รู้สึกยินดีที่ได้มีโอกาสมาเยี่ยมและพบปะผู้ค้า ซึ่งเป็นการมาพูดคุยเพื่อรับฟังปัญหาที่เกิดขึ้นจริง และถึงแม้พวกเราพรรคเพื่อไทยจะไม่ได้เป็นรัฐบาลแต่เราก็มีกลไกของสภาที่ทำงานนำปัญหาเหล่านี้เข้าไปแก้ปัญหาให้ประชาชนได้
.
ที่ผ่านมาตนเองได้ลงพื้นที่เดินตลาด ย่านการค้าในหลายจังหวัด เห็นสภาพเศรษฐกิจความเงียบเหงาที่เกิดขึ้น ในกรุงเทพมหานครก็ได้มีโอกาสไปพูดคุยกับผู้ค้าที่ประตูน้ำ และ ผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ต้องบอกว่าเวลานี้ “วิกฤตเศรษฐกิจ” ของจริงกำลังเกิด พรรคเพื่อไทยก็พยายามที่จะเสนอให้มีการออกกฎหมายเพื่ออำนวยความสะดวกในแง่แหล่งทุน สำหรับผู้ประกอบการรายย่อย


ขณะที่ตัวแทนจากสมาคมพ่อค้าผ้าไทย เปิดเผยถึงปัญหาในการค้าปัจจุบันว่า หากมีนโยบายจากภาครัฐในการสนับสนุนการค้า ดึงดูดให้คนบริโภคเสื้อผ้าของไทยเอง น่าจะช่วยให้เม็ดเงินจากอุตสาหกรรมเสื้อผ้า สิ่งทอได้รับอานิสงส์มากขึ้น โดยจัดเป็นอีเว้นต์ หรือมีมาตรการส่งเสริมที่ชัดเจน เพราะเรื่องคุณภาพการตัดเย็บ ต้องบอกว่าไทยก็มีคุณภาพไม่ต่างจากประเทศคู่แข่งอื่นๆ

.
ผู้ค้างบางรายยังสะท้อนปัญหา นโยบายค่าแรงขั้นต่ำว่าเหตุใดจึงต้องมีการกำหนดค่าแรงขั้นต่ำ ทำไมถึงไม่เปิดให้ค่าแรงเสรี ให้ตลาดต้นทุนของเราขยับไปตามกำลังซื้อและสะท้อนต้นทุนการผลิตที่แท้จริง อีกปัญหาคือมีต่างชาติเข้ามาทำธุรกิจแข่งขันกับผู้ค้าของไทย เป็นเสมือนการแย่งอาชีพ แถมประกอบธุรกิจโดยที่ไม่ต้องจดทะเบียน ทำให้มีช่องว่างเรื่องของภาษีที่ได้เปรียบผู้ประกอบการค้าที่จดทะเบียน มีการออกบัตรประชาชนให้โดยง่าย และสินค้าที่นำเข้าก็ได้เปรียบเรื่องภาษีด้วย
.
“สำเพ็งกลางคืน มีการจัดการ โดยคนต่างชาติ ซึ่งส่งผลกระทบกับคนในพื้นที่ เพราะมีการขายของลดราคามาก แถมยังเข้ามาแบบผิดกฎหมาย มีคนมีสีช่วยเหลือ จึงอยากเสนอให้ต้องปราบคนจีนไม่ให้มาแย่งอาชีพคนไทย อย่าให้คนตึ่งซัวมาแย่งตึ่งนั้ง” ตัวแทนผู้ประกอบการกล่าว
.
อีกปัญหาใหญ่ที่ผู้ค้ามองว่า “เผาจริง” เศรษฐกิจของไทยคือ อีอีซี ที่เปิดให้เอกชนรายใหญ่ของจีน สามารถเข้ามาค้าขาย ได้อย่างเสรี ปลอดภาษีนำเข้า แต่ในขณะที่ผู้ค้ามีภาระเรื่องภาษี และยังมีเงื่อนไขต่างๆที่อำนวยความสะดวกต่างชาติ แต่คนไทยกลับมีภาระและเงื่อนไขในการประกอบกิจการเยอะมาก

.
คุณหญิงสุดารัตน์ เผยว่า พรรคเพื่อไทยกำลังทำการคัดค้านในประเด็นต่างๆที่เป็นผลกระทบจากอีอีซี เพื่อให้นำเข้าไปแก้ไขปัญหาผ่านกระบวนการของสภาผู้แทนฯ ซึ่งสภา เป็นพื้นที่ถกเถียงให้ฝ่ายต่างๆได้เห็นปัญหา เราจำเป็นต้องบอกกล่าวให้ทั้งภาครัฐและสาธารณะชนได้รับรู้ เราได้ขอให้แก้ไขปัญหาตรงนั้นเพราะไม่เช่นนั้นจะกระทบไปถึงเอสเอ็มอี เกษตรกรฐานราก กระทบไปหมดจากการเข้ามาของเอกชนรายใหญ่จีน ซึ่งก็คือ อาลีบาบา
.
“การเข้ามาของอาลีบาบาทำให้ธุรกิจขนาดเล็กและอื่นๆของไทยจะตาย เกษตรกรของไทยตายหมด การเอื้อประโยชน์ของรัฐบาลให้กลุ่มทุนเหล่านี้ ไม่ได้คำนึงถึงสิทธิประโยชน์ของประชาชน การเข้ามาจะทำใหการค้าออนไลน์ตายด้วย โรงงานเล็กๆตายเรียบ เรื่องเหล่านี้จะเข้าไปสู่การอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล ซึ่งเขาไม่ยอมรับว่าเป็นปัญหา ผู้ค้ากลายเป็นเหมือนคนแขนกุดแขนด้วนเลยทันที”

.
สำหรับประเด็นการเข้ามาของต่างชาติและประกอบธุรกิจโดยอาศัยช่องว่างกฎหมาย คุณหญิงสุดารัตน์เสนอว่า เรื่องนี้ต้องให้สื่อมวลชนเข้ามาช่วยตรวจสอบ นำเสนอเป็นประเด็นให้รัฐได้รับทราบ เพื่อการแก้ไขปัญหาที่เป็นรูปธรรม เป็นการกดดันอีกทางหนึ่งให้รัฐต้องเข้ามาแก้ไขปัญหาโดยเร่งด่วน

.
ในตอนท้ายของการหารือ ผู้ค้าฝากให้คุณหญิงสุดารัตน์ เข้ามาช่วยแก้ปัญหาการเข้ามาค้าขายของต่างชาติที่ไม่จดทะเบียน อยากให้ทำอีเว้นต์เมดอินไทยแลนด์ ให้เห็นตั้งแต่อุตสาหกรรมสิ่งทอตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ จนปลายน้ำ โดยรัฐต้องระบุว่าจะทำในช่วงไหนเพื่อให้เห็นภาพที่ชัดเจน ยูนิฟอร์ม โดยเฉพาะเส้นด้ายเอกชนสามารถที่จะทำได้อย่างมีประสิทธิภาพ

.
“วันนี้ต่างชาติเชื่อมั่นเศรษฐกิจไทย เพราะเขาได้ประโยชน์มหาศาลจากนโยบายของเรา ในขณะที่คนไทยไม่ได้เชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจตนเอง” ผู้ค้ารายหนึ่งกล่าว

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น