คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย โพสต์ข้อความผ่านเครือข่ายสังคมออนไลน์ โดยมีเนื้อหาดังนี้
การสู้รบกับ “ศัตรูที่มองไม่เห็น”
ขวัญ-กำลังใจ และอุปกรณ์ป้องกันตัว
คือสิ่งที่สำคัญที่สุด ค่ะ
ขวัญ-กำลังใจ คือสิ่งที่ประชาชนไทย พร้อมใจกันมอบให้กับ “นักรบด่านหน้า” ทุกท่าน ที่เสียสละ “เสี่ยงชีวิตตัวเอง เพื่อช่วยชีวิตพวกเรา” ด้วยความซาบซึ้งใจยิ่ง
โดยเวลา 20:00-20:05น. คืนนี้ ประชาชนทั้งประเทศได้นัดกับตบมือให้กำลังใจ คุณหมอ-พยาบาล ตลอดจนบุคลากรทางการแพทย์ทุกท่าน จากทุกตรอกซอกซอย คอนโด หอพัก อพาร์ทเม้นท์ บ้านพัก ชุมชน ตลอดจนทุกแหล่งพักอาศัย ทุกๆที่ที่มีประชาชนอาศัยอยู่
ส่วนในเรื่องอุปกรณ์ป้องกันตัวของบุคลากรทางการแพทย์นั้น หน้าที่หลักในการจัดหา “เป็นหน้าที่ของรัฐบาล” ที่จะอนุมัติเงินจาก “ภาษีอากรของพี่น้องประชาชน” ที่ส่งให้รัฐทุกปี ไปใช้ในการจัดซื้อจัดหามาให้ ซึ่งขอเน้นย้ำว่า รัฐบาลต้องให้ความสำคัญกับเรื่องนี้เป็นลำดับแรก และถือเป็นเรื่องเร่งด่วนที่สุด...!!
นายกฯประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน มาเป็นวันที่ 4 แล้ว เรื่องเร่งด่วนที่นายกฯ ควรจัดการมากที่สุดคือ การผ่าตัดระบบการบริหารจัดการอุปกรณ์การแพทย์ เพื่อให้ทุกโรงพยาบาลมีอุปกรณ์ต่างๆใช้อย่างเพียงพอ จะปล่อยให้ขาดแคลน จนถึงขั้นที่ต้องใช้ถุงก๊อปแก๊ปมาครอบกันเชื้อ หรือซักแมสตากไว้ใช้ซ้ำอีก อย่างที่ผ่านมาไม่ได้ นายกฯต้องลงมาแก้ไขปัญหาอย่างจริงจัง และต้องลงมือทำเดี๋ยวนี้ค่ะ!!
อย่าลืมว่า การที่นายกฯส่งคุณหมอไปใกล้ชิดรักษาผู้ป่วย โดยที่ไม่สนับสนุนอุปกรณ์ป้องกันตัวให้นั้น มันไม่ต่างอะไรจาก ผบ.ทบ.ส่งทหารราบออกไปรบ โดยไม่มีอุปกรณ์ป้องกันกระสุนเลยค่ะ
นอกจากนั้นแล้ว ที่ผ่านมายังมีกลุ่มบุคคลที่โยงใยถึงคนในรัฐบาล ได้แสวงหาผลประโยชน์ จากอุปกรณ์เหล่านี้ จนกระทั่งทั้งคุณหมอ และประชาชนทั่วไปไม่มีใช้ เมื่อประกาศ พรก.ฉุกเฉินแล้ว นายกก็ควรจัดการให้เด็ดขาด ไม่ว่าบุคคลนั้นจะเป็นฝ่ายการเมืองหรือฝ่ายประจำ เพื่อสร้างขวัญ-กำลังใจ และความเชื่อมั่นต่อรัฐบาลกลับมา
ดิฉันขอเสนอให้นายกฯ ในฐานะประธานศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) สู้ COVID-19 ใช้อำนาจตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เร่งดำเนินการเรื่องต่อไปนี้ให้เร็วที่สุด
1.) เร่งจัดสรรงบกลางให้ รพ. ให้มากพอที่จะจัดซื้ออุปกรณ์การแพทย์ที่ขาดทั้งหมด กระจายอำนาจการจัดซื้อให้ รพ.จัดซื้อเอง โดยแก้ระเบียบจัดซื้อและข้อบังคับต่างๆ ชั่วคราวในภาวะวิกฤต เพื่อให้รพ.ต่างๆ สามารถจัดซื้ออุปกรณ์ที่ รพ.ต้องการซื้อได้ ซึ่งขณะนี้รัฐบาลจัดสรรงบกลางให้สาธารณสุขเพียง 1,500 ล้านบาท จากงบกลาง 4 แสนกว่าล้านบาทนั้น ไม่เพียงพอกับการต่อสู้กับ COVID-19 ขอย้ำว่า ให้ทุ่มงบกลางให้ รพ. และแพทย์ให้มากที่สุด
ซึ่งทางพรรคเพื่อไทยเสนอให้รัฐบาลตัดงบที่ไม่จำเป็นเร่งด่วน จากทุกกระทรวงลงมาสัก10% เพื่อเกลี่ยเงินจำนวน 8-9หมื่นล้านออกมาใช้เพื่อแก้ปัญหา วิกฤตโควิด-19ก่อน โดยเชื่อว่าประชาชนเจ้าของภาษีอากร และฝ่ายค้านทุกพรรคการเมือง จะให้ความเห็นชอบ ให้กระทำได้อย่างรวดเร็วค่ะ
2.) เร่งแก้ไขปัญหาคอขวด การนำเข้าอุปกรณ์การแพทย์ที่จำเป็น ทั้งแก้ระเบียบ และสั่งให้หน่วยงานที่รับผิดชอบ เร่งเปิดทางในการนำเข้าอุปกรณ์การแพทย์ที่จำเป็น เป็นการชั่วคราวในภาวะฉุกเฉินนี้
3.) ควรเพิ่ม "เบี้ยเสี่ยงภัย" ให้นักรบของเรา ทั้งแพทย์ พยาบาล เจ้าหน้าที่สาธารณสุข ไม่ต่ำกว่า 2เท่า รวมทั้งการดึง อสม.มาช่วยในชุมชนอย่างเต็มที่ พร้อมทั้งจัดเบี้ยเลี้ยงให้ด้วย
4.) ออกคำสั่งห้ามส่งออกอุปกรณ์ทุกชนิดที่ผลิตได้ในประเทศ และจำเป็นต้องใช้ เพื่อการควบคุมการแพร่ระบาดของโรค การรักษาประชาชนในประเทศ อย่างเด็ดขาด ทั้งหน้ากากอนามัย และอุปกรณ์การแพทย์อื่น ๆ ที่ในประเทศต้องการใช้
ต่อไปนี้ประเทศไทยต้องไม่มีการ “เสียค่าโง่” ในการควบคุมราคาอุปกรณ์ โดยที่ไม่มีของขายจริง และปล่อยให้กลุ่มบุคคลหาผลประโยชน์ จากการส่งออกอุปกรณ์ไปขายแพงๆในต่างประเทศ จนคนไทยไม่มีใช้อีกต่อไป
5.) ระมัดระวังไม่ให้กลุ่มแสวงหาผลประโยชน์นี้ กักตุนและปั่นราคาสินค้าอื่นๆ เช่นเดียวกับที่ทำกับ หน้ากากอนามัย, เจลแอลกอฮอล์, ไข่ไก่ ฯลฯ ได้อีกต่อไป
ขอให้รัฐบาลเร่งพิจารณาในข้อเสนอเหล่านี้ เพื่อให้การควบคุมการแพร่ระบาด, รักษาคนไข้อย่างมีประสิทธิภาพ, บำรุงขวัญและกำลังใจให้ "นักรบด่านหน้า" ตลอดจนเป็นการสร้างความเชื่อมั่นต่อรัฐบาล กลับคืนมาให้กับพี่น้องประชาชนไทย โดยเร็วค่ะ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น